เบี้ยหงาย
โควิด-19 จู่โจมไปทั่วแล้ว ไม่ใช่แค่แหล่งชุมชน หรือพื้นที่เสี่ยง ที่ต้องระมัดระวัง หรือมีโอกาสติด ตอนนี้แพร่ไปแทบทุกจุด กระทั่งในบ้าน หรือห้องตรวจในโรงพยาบาล ก็มีเคสอ้างอิงให้เห็น ส่วนในแวดวงกีฬาเรา ก็ลงลึกไปถึงทีมกีฬากันแล้ว
ที่โดนไปเยอะหน่อย ติดไปหลายคนก็ทีม สอยคิว ก่อนมาถึงกีฬายอดนิยมอย่าง “ฟุตบอล” ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมทีมลงแข่งขันรายการสำคัญทั้งหญิงชาย ซึ่งก็มีคนติดไปทั้งคู่ โดยเฉพาะทีมชายนั้น ยังงงๆกันอยู่ว่ามาจากไหน มีชื่อเรียกตัวก็ส่งฉีดวัคซีน ก่อนจะเข้าแคมป์ก็ทำสวอปตรวจเชื้อ ในแคมป์ก็มีมาตรการเข้มทุกอย่าง สุดท้ายก็เจอไป 6 นักกีฬา2 และเจ้าหน้าที่ 4 จนต้องหยุดการซ้อมกันไปสำหรับชุดแรกที่เรียกตัวกันไปก่อน และกักตัวนักเตะทั้งหมดในแคมป์
แถมส่งผลถึงชุดสองที่ต้องปรับคิวกันใหม่ โดยนักเตะและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะเข้าฉีดวัคซีนเข็ม 2 ให้ครบในวันที่ 12-13 พ.ค. และตรวจเชื้อกันอีกรอบในวันที่ 14 พ.ค. ถ้าไม่มีใครติดอีกก็เริ่มซ้อมกันทันที
ส่วนชุดแรกที่กักตัวจะฉีดวัคซีนเข็ม 2 ในวันที่ 19 พ.ค. ถ้าทั้งหมดเป็นลบ ไม่มีติดอะไรก็จะเดินทางไปยูเออีพร้อมชุดสอง ในวันที่ 21 พ.ค. ไปรวมตัวซ้อมกันที่นั่น!
ทุลักทุเลและกระชั้นขนาดไหนลองคิดดู มีเวลารวมตัวซ้อมกันกี่วัน และช่วงนี้ก็ไม่ได้ซ้อม สภาพร่างกายจะเป็นอย่างไร ยังมีแมตช์อุ่นเครื่องอีก 2 นัด ไม่แน่ใจว่าจะยังเป็นไปตามกำหนดเดิมหรือไม่ ก่อนจะเริ่มเตะคัดบอลโลกโซนเอเชีย นัดที่เหลือ ช่วง 3–15 มิ.ย.
และยังมีประเด็นใหม่กับความฟิต และสภาพร่างกายของดาวดังตัวหลักอย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ยังมีอาการเจ็บบริเวณเอ็นหัวเข่า จากการลงเล่นให้กับต้นสังกัดคอนซาโดเล ซัปโปโร ในเจลีก ซึ่งชนาธิปหากลงสนามได้ก็ยังมีภารกิจลงเตะในเจลีกนัดที่17 ของฤดูกาล ในวันที่ 30 พ.ค. ก่อนจะบินตามไปสมทบกับทีมชาติไทยที่ยูเออี
เรียกว่าตอนนี้ยังเจ็บอยู่ บวกกับมีคิวเตะกับสโมสร ถ้าหายเจ็บกลับมาเจ็บ หรือเจ็บน้อยจะเจ็บเพิ่มหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เป็นเรื่องของอนาคตไม่ต้องไปคิดแทน หรือมองแง่ร้ายกับสถานการณ์อย่างนี้ว่าเจ้าตัวอยากเล่นหรือไม่อยากเล่นทีมชาติในตอนนี้ชนาธิปนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์กับทีมชาติไทยอยู่แล้ว
ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ คงเห็นภาพ และตระหนักกันได้ดีว่า สภาพของทีมนั้นเป็นเช่นไร พร้อมไม่พร้อม พร้อมมากพร้อมน้อย
สถานการณ์ในแง่ผลการแข่งขันนั้นเราก็อยู่ในขั้นหนักสาหัส สภาพการกับบรรยากาศแวดล้อมต่างๆ ก็ไม่เอื้อให้นัดเตะทั้งหลายมีศักยภาพสูงสุด แม้ว่าทีมคู่แข่งต่างๆก็อยู่ในช่วงเจอวิกฤติโควิดด้วยกันทั้งสิ้น แต่เงื่อนไขและผลกระทบในแต่ละชาติแตกต่าง
เรานั้นภาพรวมในการบริหารจัดการภายในประเทศออกจะด้อยกว่า ก็ย่อมส่งผลที่แตกต่างกว่าในเชิงลบ
ก็เหลือเพียงอย่างเดียวคือ “ใจ” ก็หวังว่านักเตะทั้งหลายจะฝ่าฟัน ผ่านสภาพเช่นนี้ให้ได้ด้วยความมุ่งมั่น และตระหนักถึงพลังใจพี่น้องไทยที่อยู่ข้างหลัง
ไม่ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร คนไทยยังรอเชียร์ “ช้างศึก” ของเราแน่นอน...
“เบี้ยหงาย”