ไทยรัฐออนไลน์
"กรวีร์" รองประธานไทยลีก ชี้สัญญาลิขสิทธิ์ไทยลีกของทรูวิชั่นส์ควรหมดตามฤดูกาล วอนอย่าลงโทษสมาคม-แฟนบอลเพราะเหตุสุดวิสัย พร้อมยืนยัน ส่งหนังสือให้ทรูพิจารณาเลื่อนการแข่งขันแล้ว พร้อมนัดหาทางออกกับทรู 24 ก.ค. นี้
รองประธานบริษัทไทยลีก ชี้แจงว่าสัญญาลิขสิทธิ์ระหว่างสมาคมกับทรูวิชั่นส์ควรจะหมดไปตามฤดูกาลแข่งขันเนื่องจากเหตุสุดวิสัยและหวังว่า ทรูไม่ใช้ประเด็นนี้มาเป็นเหตุที่จะพิจารณาปรับลดเงินค่าลิขสิทธิ์เพราะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสโมสรฟุตบอลทุกระดับ และวงการฟุตบอลไทย และเชื่อว่าแฟนบอลที่เป็นลูกค้าของทรูวิชั่นส์เองก็อยากจะชมฟุตบอลไทยครบทุกนัดจนจบฤดูกาลแข่งขัน
กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานบริษัท ไทยลีก จำกัด เปิดเผยว่าข้อถกเถียงในเรื่องสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก ระหว่าง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และทรูวิชั่นส์ นั้นมาจากการตีความข้อสัญญาไม่ตรงกัน ซึ่งทรูมองว่าสัญญาจะหมดลงเมื่อจบปี 2563 แต่ในความจริงสัญญาควรจะต่อเนื่องไปจนฤดูกาลแข่งขันจบสิ้น
"โปรแกรมดังกล่าวเกิดขึ้นจากสโมสรมีมติร่วมกัน เมื่อ 14 เมษายน 2563 จากนั้นสมาคมมีหนังสือแจ้งไปยังทรู ถ้าหากไม่เห็นด้วยและต้องการคัดค้านให้แจ้งภายใน 15 วัน ทรูแจ้งว่าได้รับหนังสือแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการตอบกลับมา"
"ต่อมาทรูมีความเห็นต่างจากสมาคม เรื่องสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ที่ระบุไว้ระหว่างปีการแข่งขัน 2560-2563 ซึ่งในความหมายควรจะเป็นฤดูกาลแข่ง และเมื่อมีเหตุสุดวิสัยทำให้ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้จนถูกเลื่อนออกไปอย่างเช่นในครั้งนี้ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 สัญญาลิขสิทธิ์เองก็ควรเลื่อนไปจบตามฤดูกาล"
"สำหรับเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นโดยไม่อาจต้านทานได้ ไม่อาจคาดหมายได้ หรือเกิดจากเหตุภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด เหตุจลาจล กฎหมายหรือคำสั่งของรัฐ ตามกฎหมายสากลถือว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
"การที่ฟุตบอลแข่งขันไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะสมาคมฯ ไม่พร้อมจัดการแข่งขัน แต่เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นำมาสู่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งสมาคมจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็นของการจงใจหรือมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญา หวังว่าทางทรูจะเข้าใจเหตุผลความจำเป็นดังกล่าว"
"ตามบทสัมภาษณ์ของทรูที่บอกว่าสมาคมไม่เคยแจ้งเรื่องกำหนดการต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเลื่อนการแข่งขันออกไปเป็นช่วงเดือนกันยายน นั้น สมาคมได้ส่งหนังสือยืนยันแจ้งการเปลี่ยนแปลงการแข่งขันตามมติในที่ประชุมให้ทรูทราบด้วย ผมเข้าใจว่าทางทีมผู้บริหารของทรูรับทราบเรื่องดังกล่าว อีกทั้งทรูเองก็มีผู้บริหารที่อยู่ในสภากรรมการที่รับทราบความเคลื่อนไหวต่างๆ อยู่ตลอด"
"อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่เกิดขึ้นทางสมาคมก็เข้าใจในความจำเป็นของทรู ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้นัดวันเจรจาหาทางออกเรื่องนี้ในวันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งผมอยากให้เป็นการเจรจากันอย่างสร้างสรรค์ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหาข้อยุติที่ลงตัวกันได้ ที่ผ่านมาทางทรูก็สนับสนุนวงการกีฬาฟุตบอลมาด้วยดีโดยตลอด ขณะที่สมาคมเองก็พร้อมจะเดินหน้าหาทางแก้ไขปัญหาให้การจัดแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพกลับมาแข่งขันอีกครั้ง"