ไทยรัฐออนไลน์
ลูกเจี๊ยบสายฟ้าเปิดบ้านเจ๊า "กิเลนเจ้าสัว" 0-0 ในเกมตัดเชือกนัดสอง แต่แข้งยู-19 ของบุรีรัมย์สามารถตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงดำ "โค้กคัพ" สำเร็จด้วยกฎอเวย์โกล โดยจะพบกับ ชลบุรี เอฟซี ในวันที่ 27 ก.พ.นี้
วันที่ 19 ก.พ.63 การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศเเห่งประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี "โค้กคัพ" ครั้งที่ 21 รอบรองชนะเลิศ แข่งในระบบเหย้า-เยือน ที่สนามช้าง อารีนา เป็นการพบกันในนัดที่สอง ระหว่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าครั้งที่ 20 และแชมป์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง กับ "กิเลนเจ้าสัว" อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด แชมป์โซนภาคตะวันตก โดยเกมแรกทั้งคู่เสมอกัน 1-1
เริ่มเกมในครึ่งแรกไปได้ 6 นาที เจ้าถิ่นมีจังหวะทักทายก่อน จากการขึ้นเกมทางฝั่งขวาแต่ อภิเดช จันทร์งาม ที่ยืนอยู่ในกรอบ 6 หลาแหย่เท้าไม่โดนบอลทำให้ออกหลังไป
ต่อมาในนาทีที่ 12 อัสสัมชัญตัดเกมได้ตรงกลางสนาม แล้วเซตบอลขึ้นมาพอมาถึง ธนายุทธ์ จันนา ลากบอลขึ้นมายิงนอกกรอบเขตโทษบอลลอยข้ามคานไปแบบได้ลุ้น
ขณะที่นาทีที่ 17 บุรีรัมย์ เกือบจะได้ประตูขึ้นนำจากการเซตบอลขึ้นมาแล้ว อภิเดช จันทร์งาม ที่ได้บอลในกรอบเขตโทษยิงผ่านหน้าประตูไปโดยที่ไม่มีใครมาซ้ำดาบสอง
ในนาทีที่ 29 บุรีรัมย์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ อภิเดช จันทร์งาม ลากบอลขึ้นมาแล้วยิงด้วยซ้าย แต่โดนนายด่านกิเลนเจ้าสัวปัดทิ้งแต่บอลยังไปเข้าทาง ภัทร สร้อยมาลัย ที่วิ่งมาซ้ำดาบสอง แต่ ณัฐสันต์ ปักการะโณ ยังลุกขึ้นมาเซฟไว้ได้
จากนั้นเป็นทางเจ้าถิ่นที่ครองเกมได้เหนือกว่าแต่ก็ยังไม่สามารถเบิกสกอร์แรกได้ ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังนาทีที่ 57 ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา มีโอกาสยิงฟรีคิกหน้าประตู แต่บอลหลุดเสาออกไป
นาทีที่ 62 อภิเดช จันทร์งาม ที่แผลงฤทธิ์กระชากบอลขึ้นมาเอง แล้วกดด้วยขวาเต็มข้อ แต่บอลลอยหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเกมเริ่มสนุกขึ้น เมื่อทีมเยือนเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก แต่แนวรับเจ้าถิ่นอ่านเกมดักทางไว้ได้หมดเน้นตัดเกมกลางสนาม โดยอัสสัมชัญยิ่งเล่นยิ่งหงุดหงิดบอลไปไม่ถึงแดนหน้า
ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 รวมสองนัดเสมอกัน 1-1 แต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ชลบุรี เอฟซี ด้วยกฎอเวย์โกล
โดยรอบชิงชนะเลิศ จะแข่งกันในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ที่สนามเอสซีจี สเตเดียม เวลา 17.00 น. ทีมที่ชนะจะได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท พร้อมไปฝึกทักษะฟุตบอลกับสโมสรลิเวอร์พูล.