บี บางปะกง
(ภาพ) ประทุม ชูทอง
ศึกลูกหนังไทยลีก 2020 ถือฤกษ์ดี “วันแห่งความรัก” เปิดฉากฟาดแข้งกันแล้วครับ
นอกจากเกมคู่เปิดสนามระหว่างสมุทรปราการ ซิตี้ กับสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด “แชมป์เก่า” แล้ว
โปรแกรมฟาดแข้งในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ก็จะหวดกันเต็มแม็กซ์ครบทุกทีม อีก 7 คู่ 7 สนาม ดังนี้
เสาร์ที่ 15 ก.พ. เวลา 17.45 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ พีที ประจวบ เอฟซี ที่ทรู สเตเดียม เวลา 18.00 น. สุโขทัย เอฟซี พบ สุพรรณบุรี เอฟซี ที่สนามทุ่งทะเลหลวง
เวลา 19.00 น. บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (ทรูโฟร์ยูถ่ายทอดสด) ที่ลีโอ สเตเดียม เวลา 20.00 น. การท่าเรือ เอฟซี พบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่แพท สเตเดียม
อาทิตย์ที่ 16 ก.พ. เวลา 18.00 น. โปลิศ เทโร เอฟซี พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนามบุณยะจินดา (ทรูโฟร์ยูถ่ายทอดสด) เวลา 18.00 น. ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบ ตราด เอฟซี และ 19.00 น. ชลบุรี เอฟซี พบ ระยอง เอฟซี ที่ชลบุรี สเตเดียม
ลีกไทยฤดูกาลใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
แต่สวนทางกับการค้าแข้งของนักเตะดังคนนึงของวงการ “ประทุม ชูทอง” อดีตปราการหลังจอมพะบู๊ทีมชาติไทย ที่ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 36 ปี เรียบร้อยแล้ว
โดยเจ้าตัวผ่านประสบการณ์บนเส้นทางลูกหนังมาอย่างโชกโชน กับหลายสโมสรน้อยใหญ่
ซึ่งมันก็คงไม่มีประเด็นอะไรให้ต้องพูดถึงมากนัก ถ้า “เจ้าทุม” ไม่โพสต์ความในใจบางอย่างในเฟซบุ๊กส่วนตัว
ระบายถึงความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในอก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบนอาชีพพ่อค้าแข้งอันยาวนาน
การทิ้งทวนก่อนจากของอดีตแนวรับทีมช้างศึกผู้นี้ กระทบชิ่งถึงใคร ทีมไหนกันบ้าง ลองอ่านกันดูครับ...
ผมขออนุญาตยุติบทบาทการเป็นนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอบคุณทุกๆ สโมสรที่เคยให้โอกาสเด็กบ้านนอกคนนึงได้รับใช้
ขอบคุณทีมชาติไทยที่ทำให้เด็กบ้านนอกคนนึงได้มีโอกาสมีธงไตรรงค์คาดหน้าอกซ้ายอย่างภาคภูมิใจ
จริงๆแล้วผมคิดว่าผมยังสามารถโลดแล่น ในสนามหญ้าได้อย่างสบาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมต้องเลิกเล่น
ผมขอพูดในที่พื้นที่ตรงนี้ ด้วยชีวิตนักฟุตบอลอย่างผม ไม่ว่าจะสีเสื้ออะไร ทุกครั้งที่ผมได้รับโอกาสลงไปแสดงความสามารถ ผมเกิน 100% เสมอ
ผมไม่เคยห่วงเจ็บ หัก หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมในสนาม ผมกล้าพูดได้เลยว่าผมพร้อมจะบ้า แลก ทุกอย่าง
แต่ทุกวันนี้ มันมีอะไรซ่อนอยู่ในฟุตบอลสมัยนี้ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่สมควรที่จะมีในวงการฟุตบอลอาชีพ
มันทำลายความเป็นมืออาชีพในตัวนักเตะ
ความจริงก็คือความจริง แต่สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือขี้กองใหญ่ที่โยนใส่ผม ผมกล้าพูดตรงนี้ ว่าสุดท้ายแล้ว ความจริงในใจผม ที่ผมทำอะไรไม่ได้ ความจริงผมพูดไม่ได้ สักวันความจริงมันจะปรากฏ
‘หมาล่าเนื้อ’ อย่างผม ต่อให้ไม่มีกินยังไง ผมไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องอัปรีย์
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆคน
ที่ให้โอกาส และเห็นค่าในตัวผมจริงๆ ที่ได้ให้โอกาสรับใช้ทุกๆสโมสร และได้มีโอกาสรับใช้ ทีมชาติไทย (รถถังไทยแลนด์)
ผมมีคลิปจบน่ะ...
บี บางปะกง