โจโจ้
ปิดฉากไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ “ไทยลีก 2019” แม้จะมีดราม่าเล็กๆในการลุ้นแชมป์ปีนี้ แต่บอกเลยว่าพอเห็นโฉมหน้าของสโมสร ที่ได้แชมป์แล้วต่างก็เฮดีใจกันทั่วหน้าสำหรับ “กว่างโซ้ง” เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่ที่ไต่เต้ามาจากลีกภูมิภาค
11 ปีเต็มของ “กว่างโซ้ง” ในการขึ้นมาเล่นไทยลีก ล้มลุกคลุกคลานจนก้าวมาถึงจุดสูงสุด การได้ยืนชูถ้วยโทรฟีใบงามที่ถือเป็นลีกสูงสุดของไทย ทำให้ทุกคนภาคภูมิใจกับความสำเร็จในครั้งนี้
แชมป์ของ “เชียงราย ยูไนเต็ด” พูดได้อย่างเต็มปากว่าสง่างามและสมศักดิ์ศรี เพราะได้มาด้วยฝีมือหรือน้ำพักน้ำแรงของจริง ไม่ต้องออกแรงไปจ้างกรรมการให้เป่าเข้าข้างเพื่อคว้าแชมป์เหมือนบางทีม
ในวงการกีฬาเรื่อง “น้ำใจนักกีฬา” ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหากจะเข้ามายืนทำหน้าที่เรื่องของกีฬาแล้วน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ต้องอยู่ในจิตใจ ไม่งั้นก็เหมือน “จอมปลอม”
เอาเถอะครับวันนี้เราได้แชมป์ไทยลีกอย่างสมบูรณ์แบบและสง่างามไปแล้ว ก็ขอให้รักษาความดีนี้เอาไว้นานๆ ไม่ใช่เหลิงหรือหลงตัวเองจนทำให้วงการฟุตบอลเสียหายตกต่ำไปมากกว่านี้
แม้จะรูดม่านไปแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่ยังวิพากษ์ วิจารณ์ไม่หยุดคือการทำหน้าที่ของกรรมการ บอกได้เลยว่า “โคตรห่วยแตก” ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปิดฤดูกาล
การทำหน้าที่ของ “สิงห์เชิ้ตดำ” ยังเป็นที่คาใจของทั้งสโมสรที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงบรรดาแฟนบอลที่มีใจเป็นธรรมมาโดยตลอด
โดยเฉพาะแมตช์ล่าสุดคู่บุรีรัมย์เปิดบ้านชนะการท่าเรือ ที่ให้โลกโซเชียลถึงกับร้อนระอุ
ย้อนหลังไปยังมีเครื่องบ่งชี้หลายอย่างโดย เฉพาะการลงโทษแบน “สิงห์เชิ้ตดำ” หลายครั้งหลายหนของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
เช่น 4 เกมที่ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยื่นเรื่องประท้วงไปคณะกรรมการฝ่ายพิจารณาโทษของไทยลีก และมีการแบนกรรมการ
อาทิ เกมคู่สุพรรณบุรีเสมอเมืองทอง/ประจวบ แพ้เมืองทอง/เชียงใหม่เสมอเมืองทอง และสมุทรปราการชนะเมืองทอง
การแบนเช่นนี้เป็นตัวชี้วัดว่าผู้ตัดสินทำหน้าที่ผิดพลาดอย่างมาก ส่วนจะด้วยผิดพลาดเพราะอะไรนั้นต่างหากคือเรื่องต้องจับตามอง
การเพียงแค่แบนจะมีประโยชน์อะไร เพราะผู้ตัดสินก็แค่ไปพักร้อนเดี๋ยวก็กลับมาทำหน้าที่ใหม่ แต่ทีมเข้าได้รับความเสียหายไปเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะได้ลุ้นแชมป์กลับหมดโอกาสทันที
เช่น การแบนผู้ตัดสินคู่สมุทรปราการ-เมืองทอง ให้งดลงตัดสิน 2 แมตช์ (23 ต.ค.-6 พ.ย.) เท่ากับว่าโดนแบนเพียงแค่ 1 แมตช์ ในเกมสุดท้ายไทยลีกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นก็จบฤดูกาลไปแล้ว
หลายสโมสรเขาลงทุนสร้างทีมทำทีมปีละหลายร้อยล้านบาทเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะเสริมทัพดีแค่ไหน มีนักเตะฝีเท้าดีมากมาย แต่สุดท้ายกรรมการเป่าไม่ยุติธรรมมันก็ไร้ค่า
ทำให้การลงทุนไปมันสูญเปล่าไร้ประโยชน์ ผมมีโอกาสได้คุยกับหลายสโมสรต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเลิกหรือยุบทีม เพราะลงทุนเยอะแต่เจอการตัดสินที่ห่วยแตกก็ทำให้ท้อ
ที่สำคัญสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเอง ที่ดูเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าทุกวันนี้สมาคมทำเพื่อส่วนรวมต้องการให้ฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้า
สู่ความสำเร็จ หรือเพื่อใครกันแน่
วันนี้หากยังไม่สังคายนาหรือหาทางแก้ไขเรื่องของกรรมการอย่างจริงจัง
บอกได้เลยว่าอนาคตบอลไทยจะตกต่ำกว่านี้แน่นอน.
โจโจ้