ตองเจ
เหลืออีก 2 นัดในการตัดสินแชมป์ลีกสูงสุด “ไทยลีก 2019” ที่เหลือให้ลุ้นเพียงแค่ 3 ทีม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง, “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี และ “กว่างโซ้ง” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ดนัดสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าทีมใดมีโอกาส
ลุ้นแชมป์อยู่ในวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค. เป็นการดวลระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำศึกซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ กับการท่าเรือ เอฟซี
ผลของเกมคู่นี้คือตัวแปรสำคัญก่อนถึงแมตช์สุดท้ายในการตัดสินแชมป์
หากเกมนี้ปราสาทสายฟ้าที่มี 54 แต้มพลาดท่าให้กับการท่าเรือ ทีมอันดับ 3 มี 52 แต้ม โอกาสที่จะเป็นแชมป์ก็ยากไปด้วย ไม่ต้องมากเอาแค่เสมองานก็เข้าแล้ว
ที่สำคัญการท่าเรือจะผงาดเป็นตัวเต็งขึ้นมาทันที
แต่ถ้ามองในมุมเรื่องศักยภาพและความได้เปรียบต้องยอมรับว่าโอกาสที่บุรีรัมย์จะแพ้มีน้อยมาก การเปิดช้างอารีน่ารับการมาเยือนท่าเรือนั้น แทบจะบอกได้เลยว่าปิดประตูแพ้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกตัวแปรสำคัญคือ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง ที่มี 52 แต้ม จะเปิดบ้านรับการมาเยือน “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ลีกคัพไปหมาดๆ
ถ้าสิงห์ เชียงราย ชนะก็จะเป็นหอกข้างแคร่ไล่บี้บุรีรัมย์แบบหายใจรดต้นคอ เรียกง่ายๆว่าสร้างความกดดันแบบห้ามกะพริบตา
แม้ว่าโอกาสในการวัดแชมป์นั้นจะน้อยกว่าในกรณีที่เชียงรายและบุรีรัมย์ชนะทั้งคู่ก็ตาม แต่รับรองทำปราสาทสายฟ้าออกอาการเกร็งแน่นอน
อย่าลืมว่ากว่างโซ้งเล่นในบ้านได้อย่างเหนี่ยวแน่น ถ้าเทียบศักยภาพแล้วอย่างไรก็เป็นต่อประจวบ แน่นอน ที่เพิ่งจะอิ่มเอมกับความสำเร็จไปแล้ว
ยิ่งถ้าเรื่องคะแนนแล้วเกิดจับพลัดจับผลูทั้ง 3 ทีมมีคะแนนเท่ากันกลับเป็น “เฮดทูเฮด” ของเชียงรายที่ดีกว่าทุกทีม
อย่างที่บอกเกมวันอาทิตย์นี้เปรียบเสมือนการชี้วัดว่าที่แชมป์ว่าทีมใดจะมีภาษีมากกว่ากัน แทบจะเดาได้เลยว่าใครที่จะได้ยืนแป้นรับถ้วยในปีนี้
เพราะนัดสุดท้ายของทั้ง 3 ทีมที่จะเตะในวันเสาร์ที่ 26 ต.ค.ไม่หนักเท่าไหร่ โดยบุรีรัมย์จะไปเยือนเชียงใหม่ เอฟซี ขณะที่การท่าเรือจะรอรับ สมุทรปราการ ซิตี้ ส่วนสิงห์ เชียงราย จะเปิดบ้านรับ สุพรรณบุรี เอฟซี
งานนี้บรรดาแฟนคลับเตรียมเฮกันทั่วหน้าใครจะเข้าวินได้ชูถ้วยสมใจ
เชื่อว่านัดวันอาทิตย์นี้โอกาสที่จะได้เห็นแชมป์มีสูงอยู่ที่ใครจะสมหวังเท่านั้น.
ตองเจ