หน้าแรกแกลเลอรี่

เอาใจช่วย

เบี้ยหงาย

22 ก.ค. 2562 05:01 น.

แถลงข่าวครบสองชาติไปเรียบร้อยแล้ว กับการเปิดตัวรับงานทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการของ อากิระ นิชิโนะ โค้ชชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดนี้ ที่จะมีวาระการทำงานตามวงรอบอีกราวๆ 1 ปี

และมีรายการสำคัญในความรับผิดชอบที่เหลือ คือ การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกที่จะเตะนัดแรกในวันที่ 5 ก.ย. กับ เวียดนาม และฟุตบอลกีฬาซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ กับ ฟุตบอลเยาวชนอายุ 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งไทยเราจะเป็นเจ้าภาพในต้นเดือน ม.ค. ปี 2563

โดยนิชิโนะ คุมหมดทั้งชุดใหญ่ และชุด 23 ปี

เปิดตัวที่ญี่ปุ่นก่อน แล้วมาต่อในเมืองไทยเมื่อวันวาน ว่าไปแล้วถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลชาติไทยเหมือนกัน ที่ไปนั่งแถลงต่อสื่อในประเทศของโค้ชก่อน ค่อยมาแถลงในเมืองไทย คงจะสะท้อนได้เหมือนกันว่านิชิโนะ นั้นเป็นที่จับตาของสื่อญี่ปุ่นในภาพลักษณ์ที่เป็นบวก

ในแง่คุณสมบัติและประสบการณ์คงไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว อยู่ในระดับคุณภาพที่สวยหรู เป็นความหวังได้แน่นอน อยู่ที่พอมาทำจริงเท่านั้น ว่าจะรักษามาตรฐานและมาใช้กับนักเตะไทยได้อย่างลงตัวแค่ไหน

แต่ก็ออกจะแปลกอยู่เหมือนกัน และอดตั้งประเด็นไม่ได้ที่นิชิโนะ มาคนเดียว ไม่มีทีมงานมาด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตามข่าวที่ออกมา ถึงตัวเลขการจ้างที่คาดกันต่างๆ นานานั้น สื่อในลักษณะเป็นทีม

นั่นเท่ากับว่านิชิโนะ ต้องอาศัยโค้ชไทยกันเต็มที่ในการเป็นคู่คิดคู่ทำ ทั้งให้ข้อมูลต่างๆ นอกเหนือจากที่จะมานั่งดูเกมในไทยลีกแล้วตัวเองเลือกช็อปนักเตะมาร่วมทีม และวางแผนการเล่น ก็ต้องดูกันในโอกาสต่อไป ทีมงานโค้ชไทยที่จะเป็นผู้ช่วยของนิชิโนะ นั้นจะมีใครบ้าง

รวมทั้งสิ่งที่ตามมาตามรูปแบบนี้ คงจะทำให้แฟนบอลอดคิดไม่ได้ว่า โค้ชไทย หรือ ทีมโค้ชไทย จะมีอิทธิพลต่อแนวคิดการจัดทีม ทำทีม ของยอดโค้ชญี่ปุ่นผู้นี้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงคีย์แมนอย่างวิทยา เลาหกุล ซึ่งเป็นทั้งเพื่อน ผู้สนับสนุนและ กรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็อยู่ใน ข่ายที่อาจจะถูกมองด้วยเช่นกัน

แม้ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกลูกหนังไทย จะย้ำทุกโอกาสถึงการให้อิสระ และ ไม่แทรกแซง ทั้งจะไม่ยอมให้ใครแทรกแซงด้วย ซึ่งเป็นเรื่องดี และดูจะเป็นข้อดีมากของผู้บริหารที่ไม่ได้รู้เรื่องฟุตบอลมาก่อนอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อไม่รู้ก็ไม่รู้จะแทรกจะแซงอะไร

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าภาพจะออกมาอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือผลงาน และเป็นผลงานที่จับต้องได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงเร็วที่สุดที่แฟนบอลจะรับได้ และยังให้โอกาส

นิชิโนะ ตั้งเป้าให้เห็นการเปลี่ยนของทีมไทย และชี้ว่าเวลาที่มีเพียงพอ โดยหวังจะชนะ เวียดนาม ในเกมแรกของไทยและของเขา ในวันที่ 5 ก.ย.

การเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมความหวัง!

เชื่อว่าแฟนบอลทุกคนตั้งตารอ และเอาใจช่วยให้ อากิระ นิชิโนะ ทำให้สำเร็จ

ความสำเร็จของเขา คือความสุขของเราทั้งประเทศ...

“เบี้ยหงาย”