ตองเจ
(ภาพ : สรัญ รังคสิริ)
เหมือนเป็นอาถรรพณ์สำหรับ “พลังเพลิง” สโมสรพีทีที ระยอง ที่ทีมได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เมื่อไรเปลี่ยน ตำแหน่งประธานสโมสรก็จะมีอัน เป็นไปเมื่อนั้น
ลองย้อนดูสถิติครั้งแรกที่ได้เลื่อนชั้นมาไทยลีก ปี 2014 ปรากฏว่าปีนั้น ปตท.ก็มีการเปลี่ยนแปลงประธานสโมสร “พี่ใหญ่” สรัญ รังคสิริ ที่พาทีมเลื่อนชั้นมาปุ๊บต้องจรลีไปด้วยปัญหาภายในองค์กรเอง
ซึ่งเมื่อจบฤดูกาลปรากฏว่าทีมต้องร่วงตกชั้นไปอยู่ดิวิชัน 1 หรือไทยลีก 2 ในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น
ล่าสุดเหตุการณ์กำลังจะเข้าอีหรอบเดิมอีกแล้ว
เมื่อมติบอร์ดของสโมสรพลังเพลิงเมื่อวันที่ 21 พ.ค.62 ที่ผ่านมา “พีทีที ระยอง” มีการเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง และมีการปรับทัพเพื่อสู้ศึกไทยลีกเลก 2 โดยแต่งตั้ง “พล.อ.อ.บุญสืบ ประสิทธิ์” นั่งแท่นประธานสโมสรพีทีที ระยอง แทนที่ สรัญ รังคสิริ ประธานสโมสรคนเดิมในชุดที่พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ซีซัน 2018
อะไรมันช่างคล้ายคลึงอย่างนั้น
เพราะสถานการณ์ของทีมตอนนี้ก็คาบลูกคาบดอกว่าจะอยู่หรือจะไป เพราะอันดับล่าสุดพลังเพลิงอยู่ที่ 10 สถานการณ์ต่อจากนี้ต้องทำให้ดี และรักษาฟอร์มให้เสมอต้นเสมอปลาย
แบบนี้ต้องเรียกว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เพราะเมื่อขึ้นระดับสูงสุดเมื่อไร ตำแหน่งสูงสุดของสโมสรก็มีอันเปลี่ยนแปลง
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2014 ก็มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจึงมีการปรับเปลี่ยน จนมาถึงปี 2019 ก็อยู่ระหว่างเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอีกเหมือนกันทุกอย่างดูสอดคล้องกันจริงๆ
ทำให้บรรดาแฟนคลับ “พลังเพลิง” คงจะหนาวๆร้อนๆกันหน่อย ถ้าหากจะยึดเอาสถิติหรืออาถรรพณ์ที่ผ่านมา ที่ว่าพอเปลี่ยนประธานและเลื่อนชั้นขึ้นมาทีไร ก็มีอันต้องตกชั้นในอีกฤดูกาลถัดมาด้วยการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆเดิม
แต่หากคราวนี้หากเป็นอาถรรพณ์จริง ทีมมีอันตกชั้นคนที่จะกู้สถานการณ์จะใช่คนเดิม “สรัญ รังคสิริ” ที่จะพาทีมขึ้นชั้นเหมือน
ที่ผ่านมา เนื่องจาก “สรัญ” เกษียณการทำงานไปแล้ว แถมบอร์ดต่างๆก็ลาออกหมด
เอาเป็นว่าแฟนพลังเพลิงมาลุ้นกันก่อนว่า “อาถรรพณ์มันน่ากลัวหรืออาถรรพณ์มีไว้ทำลาย”
และช่วยภาวนาอย่าให้เข้าอีหรอบเดิมเลยสาธุ.
ตองเจ