ชาจน (ชัก) ชิน

นับเป็นความผิดหวังอย่างยิ่งอีกครั้ง กับผลงานความพ่ายแพ้ของครอบครัวแข้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ซึ่งครั้งนี้เป็นในชุดยู-23 หรือจะเรียกชุดปรีโอลิมปิกก็ไม่แตกต่าง ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกที่เวียดนามซึ่งแพ้ไปยับเยิน 0-4

ยํ้าอีกทีโดนเวียดนามเพื่อนบ้าน มิตรรักวงการลูกหนังอาเซียนไป 4 ลูก กับอีก 1 ใบแดงที่เด็กเรา ศุภชัย ใจเด็ด ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่มีสาวหมัดเข้าใส่

แน่นอนนักเตะทุกคนทุ่มเทเต็มที่ และชุดนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว โค้ชก็อยากชนะ ใครจะอยากแพ้ล่ะ แต่ผลออกมาอย่างนี้ มันเกินที่จะยิ้มๆ หยวนๆแล้วบอกว่าเอาไว้เป็นบทเรียนแล้วไปแก้กันใหม่ ด้วยหากจะนับเป็นบทเรียน ป่านนี้คงจะกองเป็นตั้งท่วมหัวกันหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทีมไทยในฐานะที่ 2 ของกลุ่มเค ถ้าตามกฎการคัดเลือกปกติคงกระอักเลือดได้แต่มองดูเวียดนามเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 16 ทีม แต่ครั้งนี้เราได้เล่นอยู่แล้ว ในฐานะเจ้าภาพที่จะจัดเองในปีหน้า จึงรอดตัวไป คงมีแต่ความอายเท่านั้น

ฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ครั้งนี้ความสำคัญมีมากกว่าครั้งอื่นๆ ก็ด้วยเป็นการแข่งขันคัดโอลิมปิก 2020 โซนเอเชียไปในตัว โดย 3ทีมที่ดีที่สุดไม่รวมญี่ปุ่นจะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไป แข่งขันทันที

วันก่อน “บอร์ดการกีฬา” หรือคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็เพิ่งมีมติเห็นชอบให้ใช้เงินสำรองของ กกท. ปรับปรุงสนาม 3 แห่ง ราชมังคลากีฬาสถาน, สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี และสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย เป็นเงินกว่า 571 ล้าน

ส่วนงบการบริหารจัดการนอกเหนือจากเรื่องสนามที่จะใช้ในการจัดก็คงจะรวบรวมกันมาอีกก้อน และยังมีที่อยู่ในรูปของการเตรียมทีมอีกส่วนหนึ่ง

สะท้อนได้อย่างชัดเจนว่าฟุตบอลรายการนี้มีความสำคัญแค่ไหน!

ดังนั้นบทเรียนที่เกิดขึ้นซ้ำซากนี้ ควรจะต้องมีการถอดกันให้ชัดๆ ว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง แล้วลงมือปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมในทันที จะเป็นที่คน นักเตะ โค้ช หรือระบบบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเกี่ยวเนื่องกับระบบลีกในปัจจุบันหรือไม่ ก็ต้องมีรายละเอียดและข้อสรุปกันออกมา เพื่อปรับแผนกันต่อไป

โอกาสที่จะจัดในบ้าน และเป็นรายการคัดโอลิมปิกด้วย ไม่ได้มีง่ายๆ ลงทุนลงแรงแล้วต้องทำให้สำเร็จ เวลายังมีแต่ไม่ใช่ปล่อยไปก่อน ต้องทำในทันที

นี่ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วจนถึงตอนนี้ทำอะไรบ้างหรือยัง สมาคมไม่ได้ทำงานฟรีเหมือนจิตอาสา แต่นี่มีเงินเดือนก้อนโต มีโบนัส แตกต่างจากยุคก่อนๆ และงานที่ทำโดยตรง คือการทำฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น คุมเบ็ดเสร็จทั้งทีมชาติและลีก

อดีตชนะในอาเซียน แต่ในเอเชีย แพ้ซาอุฯ 3-0 แพ้ญี่ปุ่น 4-0 อายมาก ตอนนี้แพ้เวียดนาม 4-0 อายขนาดไหนบอกนิด

อย่าชาจนชิน มันจะด้านชา ศรัทธาหาย แฟนบอลหด ศักดิ์ศรีไม่เหลือ

ก็ไม่ต่างกับเกียรติภูมิของชาติถูกทำลายเช่นกัน...

“เบี้ยหงาย”