แม่ลูกจันทร์
หลังพ่ายอินเดียไปแบบหมดสภาพ ล่าสุด “พลพรรคช้างศึกไทย” ก็ได้ผู้คุมบังเหียนใหม่เป็น 2 โค้ชชาวไทย “ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย” กับ “โชคทวี พรหมรัตน์” ที่จำเป็นต้องรับเผือกร้อนทำหน้าคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ชั่วคราว
โดยทั้งคู่จะคุมทีมลงสู้ศึกเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้ายที่เหลืออยู่อีก 2 แมตช์ของรอบแรก เอาใจช่วยเต็มที่ครับ เดินหน้ารวมพลังสายเลือดไทย งัดเอาฟอร์ม “บาร์ซ่าเอเชีย” กลับคืนมาสู่เหล่าพลพรรคช้างศึกให้ได้
“เรายังมีสิทธิได้ไปต่อ” ขอเพียงน้องๆทุกคนลืมอดีตเสีย แฟนบอลเขาพร้อมให้กำลังใจ เพราะเข้าใจสถานการณ์ดี ลุยคว้าชัยมาให้ได้ชนะไม่ได้ เสมอก็ยังดี เสมอไม่ได้ ก็ให้แพ้น้อยที่สุด สู้ให้สนุกที่สุด เท่านี้แฟนบอลก็สุขใจแล้ว
พร้อมกันนี้ต้องขอขอบคุณจากใจสำหรับเหล่ากองเชียร์ที่นำทีมไปโดย “น้าหลิ่ม-เอก เชียงใหม่-หนึ่ง บียู” ซึ่งบินข้ามทะเลจากไทยไปปักหลักเชียร์ร่วมกับคนไทยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พวกคุณสุดยอดมากๆ เลือดไทยแรงจริงๆครับ
หันมาพูดถึงการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับให้กับอินเดียที่ยังคาใจแฟนบอลทั้งประเทศกันหน่อย บอกตรงๆ “ผมรับไม่ได้” ฟุตบอลไม่ใช่แพ้ไม่ได้ แต่ด้วยรูปแบบการเล่นที่ผ่านมามันไม่มีทรงเอาเสียเลย มันทำร้ายจิตใจแฟนบอลหนักมาก
“ถ้าบอกว่าอยู่แบบนี้ ได้แชมป์ซูซูกิคัพ แชมป์ซีเกมส์ แต่รับได้ที่แพ้ในระดับเอเชีย 0-3, 0-4 ก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผมบอกเลยว่าอาย” ใครกล่าวไว้ครับ
แพ้ญี่ปุ่น 0-4 ผมอาย-ตอนนี้แพ้อินเดีย 1-4 ว่าไงครับ! อายมั้ยครับ!
ผมไม่โทษนักเตะ และขอร้องทุกท่านไม่ให้โทษน้องๆด้วย เพราะนักเตะมีหน้าที่เล่นตามที่โค้ชสั่ง เมื่อแผนการเล่น การวางตำแหน่งที่ผิดฝั่งผิดฝา แถมการเปลี่ยนตัวยังสุดวิจิตรพิสดารอีกต่างหาก
การลงโทษด้วยการปลดโค้ช จึงถูกต้องตรงประเด็นแล้วครับ แต่จะมีแพะตัวเดียวผมว่า ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก
จะให้ตรงประเด็นมากขึ้นอีก ต้องลามไปถึงคนที่สรรหาและคนที่แต่งตั้งโค้ชด้วย ใครสรรหามาใครแต่งตั้งมา ควรจะต้องรับผิดชอบตามๆกันไปมันถึงจะสมเหตุ สมผล สวยสด หมดจด งดงามตามท้องเรื่อง
ผมเคยเขียนบอกไปแล้วว่า การเข้ามาทำหน้าที่ในสมาคมกีฬาฟุตบอล ผมเห็นด้วยเต็มร้อยในกรณี การกวาดล้างทำความสะอาดบ้าน การวางระบบในสมาคม
แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป เพราะเป็นหัวใจหลัก และถือเป็นงานหลักของการเป็น “สมาคมกีฬาฟุตบอล” คือ “ทีมชาติไทย” จะต้องมีผลงานเป็นที่ยอมรับได้ก่อนเป็นอันดับแรก
จริงๆแล้ว ศึกซูซูกิคัพ คือ ตัวชี้วัดชั้นดีอยู่แล้ว แก้ไขซะแต่ตอนนั้น ก็ไม่ต้องมานั่งระทมกับการ ถูกถล่มอย่างหนักในโลกโซเชียลตอนนี้
จนถึงขั้นหน้าหนึ่งของ นสพ.ไทยรัฐ เอามาพาดหัวไม้ว่า โซเชียลฉะคลั่ง-ไทยแพ้ยับปลดโค้ชราเยวัชสังเวย กดดันเก้าอี้ “บิ๊กอ๊อด” สะเทือน เป็นการประเดิมสนามเอเชียนคัพ 2019 อย่างน่าอับอาย
สำหรับในโลกโซเชียลผมยกเอามาให้อ่านสักโพสก็แล้วกัน จากแฟนบอลหญิงสูงวัยที่ตามไปเชียร์บอลไทยด้วยใจล้วนๆ เกือบทุกสถานที่ทั้งในและนอกประเทศด้วยทุนตัวเอง
เธอโพสต์สั้นๆแต่ได้ใจความว่า “หัวใจหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศเลยค่ะ ลาออกเถอะ”
ดังนั้นผมจึงขอปิดท้ายคอลัมน์ด้วยวาทะอันคม กริบนี้ก็แล้วกันเนอะ เพราะการพูดเอาไว้ในวันนั้น ณ วันนี้คำพูดมันกลับมาเป็นนายไปแล้วนะครับท่านครับ
“ถ้าให้ผมงอมืองอเท้า ปล่อยให้ทีมชาติ ไทยเป็นแบบนี้ไปอีก 3 ปี ในขณะที่ผมเป็นนายกสมาคมอยู่ ผมลาออกดีกว่า ทำทีมไม่ได้ อย่าเป็น ให้คนอื่นเขาเป็น”
แค่นี้แหละครับ พูดเยอะเจ็บคอ 555.
“ไว เด่นชัย”
บี บางปะกง