หน้าแรกแกลเลอรี่

รำลึก "เอมิเรตส์’96"

บี บางปะกง

4 ม.ค. 2562 05:01 น.

ศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติของชาวเอเชีย “เอเชียนคัพ 2019” กำลังจะเปิดฉากเผดียงแข้งกันแล้ว ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี

นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่ขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ได้เข้าไปอวดแข้งในรอบสุดท้ายของถ้วยใหญ่เอเชียใบนี้กันอีกครั้ง หลังที่ผ่านมาเรากระเด็นตกรอบคัดเลือกมาตลอด

โดยครั้งนี้ “เอเอฟซี” เพิ่มทีมจาก 16 เป็น 24 ทีม ทำให้โอกาสของทีมบอลไทยที่จะลุ้นผ่านรอบแบ่งกลุ่ม เข้าไปเตะ “น็อกเอาต์” ในรอบสอง เป็นหนแรกในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ ค่อนข้างเปิดกว้างอยู่พอสมควร

ซึ่งโปรแกรมทั้ง 3 แมตช์ในรอบแรก สายเอ ของทีมช้างศึก มีดังนี้ วันอาทิตย์ที่ 6 ม.ค. ประเดิมกับ อินเดีย ในเวลา (ไทย) 20.30 น. พฤหัสบดีที่ 10 ม.ค. พบ บาห์เรน เวลา 18.00 น. และ จันทร์ที่ 14 ม.ค. เจอกับเจ้าภาพ ยูเออี เวลา 23.00 น. โดย ช่อง 7 HD (ช่อง 35) จะถ่ายทอดสดให้ชมกันทุกนัด

จริงๆแล้วเอเชียนคัพครั้งนี้ ไม่ใช่หนแรกที่ ยูเออีเป็นเจ้าภาพ เพราะถ้านั่งไทม์แมชชีนย้อนหลังกลับไปเมื่อ 23 ปีก่อน ดินแดนเศรษฐีทะเลทรายที่นี่ ก็เคยรับหน้าเสื่อจัดศึกใหญ่ของทวีปรายการนี้แล้วครั้งนึงเมื่อ ปี 1996 โน่นแน่ะ

และคราวนั้น ทีมชาติไทย ของเราก็เป็น 1 ใน 16 ทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายกับเขาด้วยที่นครดูไบ โดยผมยังจำได้ว่า “กราวกีฬาไทยรัฐ” ส่งเฮีย “โต้ บ้านแหลม” ไปเกาะติดรายงานข่าวแบบอินไซด์ถึงขอบสังเวียน

สำหรับ “ทีมลูกหนังชาติไทย” ชุดนั้น ต้องถือเป็นชุด “คลาสสิก” อีกทีมนึงของวงการฟุตบอลบ้านเรา เพราะมีผู้จัดการทีมคนดัง “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล นำทัพ โดย “ขงเบ้งลูกหนัง” อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ รับบทเป็นกุนซือ

ขณะที่ขุมกำลังก็แน่นปึ้ก เพราะมีทั้ง “เจ้กดำ” นที ทองสุขแก้ว เป็นกัปตันทีมคุมแนวรับ “เดอะง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ลงพะบู๊ในแดนกลาง โดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทำหน้าที่ล่าตาข่ายคู่กับ “อัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ส่วนนายทวาร “เจ้าระ” วัชรพงศ์ สมจิตร ผู้ล่วงลับ ทำหน้าที่เฝ้าเสาเป็นเบอร์ 1

น่าเสียดายผลงานของทีมบอลไทย “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง โดยร่วงรอบแรกแบบสิ้นสภาพ จากการโดน ซาอุดีอาระเบีย ถลุงประตูซะครึ่งโหล 6-0 พูนสวัสดิ์ ต่อด้วย อิหร่าน ของซุปเปอร์สตาร์ “อาลี เดอี” ที่ตามมาเฆี่ยนซ้ำไปอีกด้วยสกอร์ 3-1 และปิดท้ายกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อ อิรัก 4-1

เรียกว่าเป็น เอเชียนคัพ ที่ทีมชาติไทยพบกับความสะบักสะบอมมากที่สุด มีเพียงประตูที่ยิงได้จาก “ซิโก้” ในเกมกับอิหร่าน และ “เดอะโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ในแมตช์ส่งท้ายกับอิรักเท่านั้นที่พอเป็นสิ่งปลอบประโลมใจกลับบ้านมา

และนั่นคือการย้อนรอยรำลึกอดีต “เอมิเรตส์’96” ที่ไม่น่าจดจำสักเท่าใดนักของพลพรรคนักเตะไทยเมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้ว

ก็หวังใจว่า “ยูเออี 2019” เที่ยวนี้ แข้งช้างศึกจะสร้าง “โมเมนต์” ดีๆ เป็นของขวัญรับศักราชใหม่ให้ “ผู้เล่นคนที่ 12” ของเรากันได้บ้างไม่มากก็น้อย

แม้ผลอุ่นแข้งล่าสุดดูจะไม่โสภาสถาพรเอาเสียเลย เพราะเราดันพ่ายโอมานไป 2 เม็ด

ขณะที่ทีมอาบังด่านแรกของไทยเจ๊ากับทีมตะวันออกกลางชุดนี้มา 0–0 นะนายจ๋าาา...!!!

บี บางปะกง