หน้าแรกแกลเลอรี่

ผอ.ทีมชาติไทย

บี บางปะกง

19 ต.ค. 2561 05:01 น.

ประกาศรายชื่อออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับขุนพลนักเตะทีมชาติไทยที่กุนซือ มิโลวาน ราเยวัช จะใช้ทำศึก “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018” ในเดือนหน้า

ดูจากโผเบื้องต้น 27 แข้งที่คลอดออกมา ส่วนใหญ่ “ลุงมิโล่” แกก็คงจะยึดเอาจากฟอร์มอุ่นเครื่องล่าสุดทั้ง 2 แมตช์ที่ผ่านมาเป็นหลักเอาไว้ก่อน

โดยเฉพาะผู้เล่นที่เข้าอกเข้าใจในแท็กติกและวิธีการที่ตัวเองถ่ายทอดให้ลงไปทำหน้าที่ในสนามเป็นอย่างดี น่าจะมีลุ้นเป็น 11 ตัวจริงเลยด้วยซ้ำ!

เพราะตัวราเยวัชเองก็คงพอรู้ตัวดีว่าทัวร์นาเมนต์นี้เขาจะ “พลาดไม่ได้” อย่างเด็ดขาด กับเป้าหมายที่สมาคมกีฬาฟุตบอลวางไว้ให้ คือ ต้องป้องกัน “แชมป์” ให้สำเร็จ หรืออย่างน้อยก็ต้องทะลุถึงชิง

ขณะที่สมาคมลูกหนังเองก็น่าจะตระหนักแล้วถึง “ความกดดัน” อันใหญ่หลวงที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งคราวนี้ถ้าเกิดมีอะไรพลาดท่าขึ้นมาอีก

รับรองแรงสั่นสะเทือน...มันย่อมรุนแรงหนักหน่วงกว่าครั้งไหนๆที่เคยเจอมาอย่างแน่นอน..!!

ไม่อย่างงั้นท่านนายกฟุตบอล “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คงไม่ลงลึกในรายละเอียดของการเตรียมทีมช้างศึกชุดใหญ่อย่างรอบคอบทุกกระเบียดนิ้วถึงเพียงนี้

ไล่ตั้งแต่การแต่งตั้ง “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยคนดัง เข้ามาเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ โดยหวังที่จะใช้ประสบการณ์อันเชี่ยวกรากของเจ้าตัวมาช่วยทีมช้างศึกชุดนี้กันอีกแรง

ขณะเดียวกัน ก็เพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการผุดตำแหน่งใหม่เอี่ยมอ่องขึ้นมาสำหรับทีมชาติชุดใหญ่ โดยเฉพาะกับการตั้ง “ผู้อำนวยการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่”

ซึ่งปรากฏชื่อของ “กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไฟแรง ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ และเป็น “หน้าใหม่” ป้ายแดง ในวงการ ลูกหนังบ้านเรามารับงานใหญ่ในครั้งนี้

คุณกิติศักดิ์ หรือ “เสี่ยโทนี่” ผู้นี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมักคุ้นสำหรับแฟนบอลเท่าใดนัก แต่ถ้าในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วล่ะก็ เขาคือ “จอมยุทธ์ระดับแถวหน้า”

ไล่เรียงจากโปรไฟล์แล้วต้องบอกเลยว่า “ไม่ธรรมดา” เพราะเป็นเจ้าของแบรนด์ “เซ็น-จูรี่ 21” ในประเทศไทย และ สปป.ลาว อีกทั้งยัง ถือครองสิทธิแบรนด์ “โคเวล แบงเกอร์” ซึ่งเป็นแบรนด์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งในประเทศไทยและอังกฤษอีกต่างหาก

แต่ความเชี่ยวชาญช่ำชองทางธุรกิจจะมาสร้างประโยชน์ที่เป็น “มรรคผล” ให้กับทีมลูกหนัง ชาติไทยได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องรอดูกัน

เพราะถ้าจะว่าไป ตำแหน่ง “ผอ.ทีมชาติ” ก็คงทำหน้าที่ไม่ต่างจาก “ผู้จัดการทีมชาติ” ที่ เคยผ่านมาในอดีตเท่าใดนัก

ต้นทุนสำคัญจริงๆแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินเงินทอง หรือมีดีกรีอะไรที่วิเศษเลิศเลอมากมาย

ขอเพียงเข้ามาทำงานตรงจุดนี้ ด้วยลมหายใจที่รัก “ฟุตบอล” โดยไม่มีข้อแม้อื่นใด

ก็ถือว่าน่าภาคภูมิใจที่สุดแล้ว!!!


บี บางปะกง