หน้าแรกแกลเลอรี่

ชำแหละผลงาน! 'โค้ชเบนซ์' ดีพอหรือไม่กับแม่ทัพ 'ค้างคาวไฟ'

ไทยรัฐออนไลน์

14 มิ.ย. 2561 17:15 น.

ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ครึ่งฤดูกาลหลัง เปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายทีมปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นให้เหมาะสมกับทีมและเสริมศักยภาพทั้งเกมรับและเกมรุก และอีกหลายทีมเช่นกันที่ถึงขั้นเปลี่ยนตัว “กุนซือ” เพราะผลงานไม่เข้าเป้าในเลกแรก...

หนึ่งในนั้นคือทีม “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ที่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวแม่ทัพช่วงท้ายเลกแรก หลัง “โค้ชเบ๊-ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก” แสดงสปิริตขอลาออก เมื่อผลงานช่วงหลังมีแต่ทรงกับทรุด ไม่เป็นไปตามเป้าที่หวังไว้

และเพื่อรักษาทรงของทีม “ค้างคาวไฟ” ไม่ให้เตลิดไปไกล ประธานสโมสรอย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จึงตัดสินใจมอบภารกิจคุมทีมขัดตาทัพให้กับ “โค้ชเบนซ์-ญาณวิทย์ คันธราษฎร์” ผู้ช่วยโค้ชฝ่ายเทคนิค ที่ก่อนหน้านี้ดูแลอะคาเดมี่ สุโขทัย “ค้างคาวไฟจูเนียร์” และคุม สุโขทัย เอฟซี ชุดเล็ก ลงแข่งฟุตบอลในระดับไทยลีก 4

ภารกิจแรกของ “โค้ชเบนซ์” เริ่มต้นได้อย่างสวยงามในเกมนัดสุดท้ายของเลกแรก ที่ “ค้างคาวไฟ” เปิดสนามทะเลหลวง เฉือนชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไปได้ 3-2 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 พร้อมได้รับการบันทึกว่าเป็น “โค้ชฟุตบอลลีกสูงสุดของไทย” ที่อายุน้อยสุด 31 ปี 7 เดือน 19 วัน

แต่พอภารกิจถัดมา ในเกมออกเยือน "สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด" ของบอลลีก และ เยือน "สิงห์เจ้าท่า-การท่าเรือ เอฟซี" ของบอลถ้วย โตโยต้าลีกคัพ ผลงานกลับสวนทาง

นั่นอาจจะเป็นเพราะปัจจัยที่คุมได้ยาก แต่ต้องยอมรับว่าเป็นตัวแปรสำคัญ ที่อาจพิสูจน์ "โค้ชเบนซ์" ว่า จะเชื่อมือได้ขนาดไหน!?

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า “โค้ชเบนซ์” ผู้นี้มีดีกรีระดับ เอ-ไลเซ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่บอร์ดบริหารสโมสรสุโขทัย เอฟซี ยังคงไว้วางใจให้คุมทีมต่อเนื่องเลกที่สอง ฐานะ “รักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอน”

ภายใต้ประสบการณ์ “โค้ช” ที่อาจจะไม่มากนัก โดยเฉพาะในเวทีสูงสุดระดับไทยลีก แต่เจ้าตัวยืนยันพร้อมทุ่มเต็มที่เพื่อเป้าหมายของทีมค้างคาวไฟ

“ผมยังต้องพิสูจน์ผลงานฐานะโค้ชอีก 2-3 นัด แต่ผมพร้อมเป็นไกด์นำทางให้ทีม นักเตะ สตาฟฟ์ ไปสู่เป้าหมายสูงสุดร่วมกันคือ be better อย่างทีม สุโขทัย เอฟซี ที่ผ่านมา ถือเป็นทีมที่มีมาตรฐานด้านฟุตบอลพอสมควร นักเตะในทีมมีศักยภาพ มีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีบางจุดที่ต้องเติมให้เต็มเพื่อพัฒนาให้เป็นเดอะเบสต์ ทั้งเป็นสมาร์ทเตอร์ และสตรองเกอร์”

อย่างไรก็ดี ด้วยวัยที่ถูกมองว่า อายุยังน้อย การเข้าคุมทีมระดับอาชีพ และอยู่ในภาวะประคองทีม เขาจะรับมือกับศึกรอบทิศไหวหรือไม่ ซึ่ง “โค้ชเบนซ์” ยอมรับถึงมุมมองที่เกิดขึ้น และภาวะที่คนยังไม่เชื่อมือ แต่เขาอยากขอโอกาส และขอกำลังใจ รวมถึงมองมุมบวกด้วยว่า โค้ชอายุน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีองค์ความรู้ที่สามารถพาทีมไปสู่เป้าหมายได้

“ผมยอมรับว่ามีคนที่ยังไม่เชื่อมือผม เพราะผมยังอ่อนประสบการณ์ แต่หากจะมองมุมกลับ และเทียบกับลีกฟุตบอลยุโรป ที่เขายอมรับโค้ชที่มีอายุน้อยเข้าคุมทีม อย่าง ยูเลียน นาเกิลส์มัน กุนซือของฮอฟเฟนไฮม์ ประเทศเยอรมนี ที่ได้รับรางวัลโค้ชแห่งปี 2016 ขณะที่เขาอายุเพียง 28 เพราะเขาสามารถพาทีมรอดพ้นการตกชั้นมาได้ ส่วนหน้าที่ของผมก็เช่นกัน ผมจะใช้องค์ความรู้ที่ผมมี พัฒนาทีม รูปแบบการเล่น เพื่อตอบโจทย์ของสโมสรให้มากที่สุด”

แต่ด้วยสายตาคนดูบอลที่มองเรื่องผล “ชนะ” เป็นใหญ่ กอปรกับในบทบาทของ “โค้ชเบนซ์” ที่เคยคุมทีม สุโขทัย เอฟซี ชุดบี ลงแข่งในระดับ ไทยลีก 4 ผลงานก็ยังไม่เข้าตา ก่อนที่ “โค้ชเบนซ์” จะถูกส่งไปช่วยงานที่สโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล นั่นทำให้เป็น “ภาพจำ” ที่กลายเป็นคำปรามาส ซึ่งประเด็นนี้ “โค้ชเบนซ์” ยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นกับ “ค้างคาวไฟ จูเนียร์” แต่ไม่ได้หมายความว่า จำนนต่อมุมมองของแฟนบอล ที่ดูเรื่องผลแพ้-ชนะเป็นหลัก

“ทีมสุโขทัย เอฟซี ชุดบี ที่เล่นในที 4 ที่ยังอยู่รั้งท้ายของตารางโซนภาคเหนือ มีหลายคนมองว่า นี่คือความล้มเหลว แต่ในทัศนะของโค้ชและคนปั้นอะคาเดมี่ มองว่า ไม่ใช่การคว้าน้ำเหลว เพราะชุดบี คือการทดสอบเด็ก ให้โอกาสเด็กเข้าสู่สนามฟุตบอลอาชีพ นักเตะในทีมมีอายุไม่เกิน 21 ปี และมีประสบการณ์ลงสนามแข่งระดับอาชีพน้อย หากไปเทียบกับทีมอื่นที่เขามีผู้เล่นมากประสบการณ์ มีผู้เล่นอายุเยอะ มีผู้เล่นที่เป็นต่างชาติหลายตำแหน่ง ส่วนเด็กของสุโขทัย ชุดบี คงสู้และเอาชนะไม่ได้ แต่หากเรามองว่านี่คือการพัฒนาเด็ก ให้เด็กได้รับโอกาส การแพ้ในเกม ไม่ใช่การแพ้ตลอดไป เพราะนั่นคือการเรียนรู้”

นอกจากนี้ “โค้ชเบนซ์” ยังย้ำด้วยว่า แผนการทำทีมสุโขทัย เอฟซี โดยท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานสโมสรนั้น ต้องการพัฒนานักเตะให้มีความเป็นมืออาชีพตั้งแต่รุ่นเด็ก เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลอาชีพที่มีคุณภาพ

ดังนั้นการนำผลงานของ สุโขทัย เอฟซี ชุดบี ที่เป็นสนามทดสอบ ไปเทียบกับ ผลงานของทีมอื่นในไทยลีก 4 ที่วางเป้าหมายเลื่อนชั้น คงไม่ได้ เช่นเดียวกันกับการนำผลงานที่เกิดขึ้นมาวัดล่วงหน้าว่า เขาจะล้มเหลวในการทำทีมชุดใหญ่ ก็คงไม่ได้เช่นกัน

กับบทบาท “เฮดโค้ช” ขัดตาทัพของ “ญาณวิทย์” คงต้องรอการทดสอบฝีไม้ลายมืออีกสัก 2-3 เกมว่าประสบการณ์ระดับ เอ-ไลเซ่น และประสบการณ์ฟุตบอลสากลมาตรฐานยุโรปของเขา จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมสุโขทัย เอฟซี ได้มากน้อยแค่ไหน?

อาจจะเป็นงานที่ไม่ค่อยคล่องตัวของ “โค้ชมือใหม่” เพราะต้องแบกรับความคาดหวังของแฟนบอล แต่ก็คงไม่ใช่เป็นงานที่ยากเกินไป ซึ่ง “โค้ชเบนซ์” ยืนยันหนักแน่น ณ เวลานี้ เขาพร้อมจะพิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนได้เห็นแล้ว.