หน้าแรกแกลเลอรี่

ดาวเด่นช้างศึก

บี บางปะกง

28 มี.ค. 2561 05:01 น.

เป็นอันว่าแน่นอนแล้วที่คะแนนฟีฟ่าของขุนพลช้างศึกทีมชาติไทย จะยังไม่อาจแซงเวียดนามขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนได้ดั่งหวัง

แถมยังต้องลุ้นให้ฟิลิปปินส์แพ้คาบ้านต่อทาจิกิสถานในศึกเอเชียนคัพ รอบคัดเลือกอีก จึงจะขยับแซงขึ้นมาเป็นที่ 2 ในภูมิภาคนี้

หลังทีมไทยมิอาจป้องกันแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ได้ตามเป้า โดยได้ตำแหน่งพระรองของศึกครั้งนี้จากการพ่ายแพ้สโลวะเกีย ทีมอันดับที่ 29 ของโลกในนัดชิงอย่างสนุก 2-3

แต่ในภาพโดยรวมแล้วแฟนบอลก็น่าจะพอใจกับฟอร์มการเล่นของทีมช้างศึกที่ต่อกรกับทีมมาตรฐานโลกได้อย่างน่าดูชม

แม้ว่าในการจับสลากแบ่งสายเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย ทีมไทยเราจะต้องอยู่ในโถ 4 รอเจองานหนักกับบรรดาทีมเขี้ยวลากดินในเอเชียแทบทั้งสิ้นก็ตาม

สำหรับ 2 แมตช์ในศึกคิงส์คัพหนนี้ นักเตะช้างศึกส่วนใหญ่ถือว่าสอบผ่านในมาตรฐานของตัวเอง แต่ที่โดดเด่นเป็นที่จับตากว่าใครเพื่อนในสายตาของผมมีอยู่ 3 แข้งครับ

คนแรกคือ “เจ้าโย่ง” พรรษา เหมวิบูลย์ ปราการหลังจอมแกร่งของแชมป์เซราะกราว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในทีมช้างศึกยุคของมิโลวาน ราเยวัช ที่เน้นเกมรับอันเหนียวแน่นเป็นหลัก

ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่และการอ่านเกมที่แม่นยำทำให้พรรษาเล่นได้อย่างเฉียบขาดเข้าตากรรมการ กลายเป็นกองหลังตัวหลักยุคใหม่ที่ทีมชาติจะขาดไปไม่ได้

ที่สำคัญเขายังมีการหนุนเกมรุกที่ยอดเยี่ยมบาดตา การันตีได้จากประตูที่เจ้าตัวขึ้นมายิงตีตื้นสโลวักในนัดชิงซึ่งกองหน้าอาชีพยังอาย

คนต่อมาคือ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์จอมลุยที่ถือเป็น “ผึ้งงาน” ของทีมชาติในยุคนี้อย่างแท้จริง

เพราะสไตล์การเล่นที่ทุ่มเทวิ่งพล่านไปทั่วสนามแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถอดแบบมาจากกองกลางรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง “เดอะง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ยังไงยังงั้น

นั่นจึงทำให้ฐิติพันธ์มีบทบาทยิ่งทั้งในเกมรุกและเกมรับที่เขาเล่นได้อย่างดุดันถึงลูกถึงคน จนบางครั้งเลยเถิดถึงขั้นอารมณ์กระจิงควบคุมตัวเองไม่อยู่กลายเป็นเล่นนอกเกมไป

ก็หวังว่าเจ้าตัวจะเอาฟอร์มที่โดดเด่นเหลือเกินในทีมช้างศึก ไปปรับใช้กับต้นสังกัด “บีจี” บางกอกกล๊าส เอฟซี ให้ระเบิดเถิดเทิงบ้าง หลังทีมกระต่ายแก้วอุตส่าห์ทุ่มงบมหาศาลดึงเจ้าตัวมาโชว์พลังแข้งในถิ่นลีโอ สเตเดียม ฤดูกาลนี้

ส่วนคนสุดท้ายที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุโค่ย! ให้กับทีมชาติในศึกคิงส์คัพหนนี้ ก็คือ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยอดปีกตัวจี๊ดที่อัพเลเวลตัวเองไปสู่ความเป็น “ซุปเปอร์สตาร์เอเชีย” ขึ้นทุกวัน

โดยเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่เคยหยุดยั้งการพัฒนาฝีเท้าให้ก้าวไปข้างหน้า จากที่เคยเป็นแค่นักเตะฝีเท้าดีคนนึง แต่เดี๋ยวนี้ “เจ้าเจ” กลายเป็นคีย์แมนตัวพระเอกในเกมรุกตัวจริงเสียงจริงไปแล้ว

ยิ่งเจ้าตัวได้ไปลับสกิลทักษะฟุตบอลชั้นสูงอยู่ในเจลีกญี่ปุ่นด้วยแล้ว มันก็เหมือนมีดเนื้อดีได้ลับคมกับหินเจียร์ชั้นเยี่ยมนั่นแหละ

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้เล่นอย่างมั่นอกมั่นใจทั้งลีลากระชากลากเลื้อยอันคล่องแคล่ว พิงบอลได้เปรียบคู่แข่งแทบทุกจังหวะ แถมครองบอลเหนียวแน่นยากที่จะช่วงชิง

และผมจะไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็น “เจ้าเจ-ชนาคุง” กลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด และดีที่สุดของประเทศไทยเท่าที่เคยมีมา

ตั้งแต่อดีตยันจนถึงปัจจุบัน!!!

บี บางปะกง