โจโจ้
จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์สำหรับ “ช้างศึก” ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 46 หลังจากต้องพ่ายให้กับ สโลวะเกีย ทีมอันดับที่ 29 ของโลกไปอย่างสนุก 2-3 ชวด ป้องกันแชมป์ไว้ได้
ลึกๆยอมรับว่ารู้สึกเสียดายแต่ไม่เสียใจที่เราไม่สามารถคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้
ภาพรวมถือว่าไม่เสียหายการพ่ายแพ้สโลวะเกีย ที่มีอันดับโลกที่ต่างจากเราถึง 100 อันดับไม่แปลก ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำไป การเจอกับทีมระดับนี้จะทำให้เราได้รู้ถึงศักยภาพของทีมว่ามีมากน้อยแค่ไหน ยังขาดหรือต้องเติมตรงจุดไหนบ้าง
เท่าที่ดูนักเตะของเราในวันนั้นก็มีจิตใจที่สู้ และเต็มที่ทุกคน เพียงแต่บางจังหวะหรือการจบสกอร์อาจจะสู้ไม่ได้ก็เท่านั้น ส่วนหนึ่งเพราะประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพยังต่างกัน เรายังอยู่ในเอเชียยังไม่ถึงระดับโลก แต่ดีกรีของสโลวะเกียไปไกลกว่าเราแล้ว
การได้เจอทีมลักษณะนี้บ่อยๆ จะทำให้ช้างศึกเราแข็งแกร่งขึ้น การแพ้ทีมที่เหนือกว่าไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเราสามารถพัฒนาฝีเท้าหรือศักยภาพขึ้นไปได้ ตรงกันข้ามถ้าแพ้ทีมที่อ่อนกว่าค่อยน่าคิด
เชื่อว่ายังมีพวกที่ชอบวิจารณ์เยอะอยู่เหมือนกัน โดยที่ไม่ดูว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร แพ้ทีมอะไร เชื่อว่าถ้าเป็นแฟนบอลตัวจริงแล้ว มั่นใจว่าทัวร์นาเมนต์นี้ไม่มีใครด่าทอทีมช้างศึกแน่นอน การแพ้ก็ไม่ได้ขาดเราสู้กับสโลวะเกียได้อย่างสูสีสนุกได้ลุ้นอยู่ตลอด
ที่สำคัญนี่ยังไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง เพราะทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปเดินไปทีละก้าวตามลำดับ อยู่ๆจะให้เก่งเลยคงไม่มี เราควรต้องให้เวลา และคอยเป็นกำลังใจเพื่อให้ก้าวไปถึงฝัน
ตอนนี้เราควรโฟกัสให้ยืนอยู่แนวหน้าของเอเชียให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก คงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด วันหนึ่งถ้าเราสู้กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ได้อย่างคู่คี่สูสีหรือเอาชนะได้ วันนั้นจะเป็นทีของเราที่จะก้าวไปถึงระดับโลกได้
วันนี้หลายชาติในเอเชียก้าวไกลจากเราไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้เรากระโจนตามเขาไปโดยไม่ดูศักยภาพของตัวเอง เพียงแต่อยากให้ดูแนวทางในการพัฒนาทีมว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้เราได้ ประสบความสำเร็จมากที่สุด
การจะก้าวไปสู่ระดับโลกได้นั้น ก่อนอื่นเราต้องคว้าโควตาไปบอลโลกให้ได้เสียก่อน แต่ก็ไม่หนุนความคิดเป็นเจ้าภาพนะครับ เพราะดูแล้วเดินไม่ถูกทางและเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป
คิดง่ายๆ หากเราได้เป็นเจ้าภาพจัดบอลโลกและได้สิทธิ์ได้ลงเล่นในฐานะเจ้าภาพ แต่สุดท้ายเป็นทีมที่แจกแต้มเชื่อว่าวันนั้นคงไม่สบอารมณ์แฟนบอลแน่นอน
ตรงข้ามหากเราไปด้วยความสามารถของเราเอง ถึงจะเข้าไปแพ้ก็เชื่อว่าไม่มีใครว่า
แหมเกือบลืมต้องขอชมบรรดากองเชียร์ในสนามที่เปรียบเสมือนนักเตะคนที่ 12 เพราะถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ก็ไม่รู้ว่านักเตะจะได้กำลังใจจากไหน
เอาเถอะครับ วันนี้ผมถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว และต้องเป็นกำลังใจกันต่อไปเพื่อให้ช้างศึกไทยไปถึงฝั่งฝันให้ได้.
โจโจ้