ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงกีฬา ยืนยัน ไม่ยับยั้งการลาออกของนเร เหล่าวิชยา อธิบดีกรมพลศึกษา เพราะเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวเอง และจะเร่งสรรหาอธิบดีคนใหม่ ให้มาทำหน้าที่แทน หลังการลาออกของนเรจะมีผลในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยจะเชิญ “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้การสรรหาโปร่งใส เป็นธรรมที่สุด พร้อมปลุกกรมพละให้กลับมาเข้มแข็ง สามัคคีอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมายังมีปัญหาภายในองค์กร ส่วนการย้ายสำนักงานไปคลอง 6 ยังทำเหมือนเดิม แต่จะลงไปดู เพื่อปรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ยังไม่พร้อมให้เรียบร้อย เช่น สาธารณูปโภค ร้านค้า และความปลอดภัย
วันที่ 2 พ.ค. 60 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังเป็นประธานในการเสวนาเรื่องทิศทางการเดินหน้า และอนาคตของกรมพลศึกษา, บทบาทภารกิจ, การย้ายสถานที่ตั้ง และการปรับโครงสร้างของกรมพลศึกษาโดยมีพนักงานและเจ้าหน้าที่ของกรมพลศึกษาเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่า ครั้งนี้เป็นการหารือแนวทางในการสร้างความเข้มแข็งของกรมพลศึกษาให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมายังมีปัญหาภายในองค์กร รวมทั้งกรมพลศึกษายังมีภารกิจหลายอย่างที่ต้องดำเนินการในการพัฒนากีฬามวลชน และกีฬาขั้นพื้นฐานของประเทศ ซึ่งช่วงแรกต้องช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อวางรากฐานรองรับโครงสร้างใหม่ที่วางไว้
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต่อว่า เรื่องแรกคือการสรรหาอธิบดีคนใหม่แทนที่นายนเร เหล่าวิชยา ที่ได้ขอลาออกไปและจะมีผลในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยได้ตั้งคณะสรรหาที่มีความโปร่งใสและเป็นธรรมขึ้นมาเพื่อร่วมกันสรรหา และได้เชิญ “โค้ชหรั่ง” นายชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตรองอธิบดีกรมพลศึกษา ที่เป็นที่เคารพนับถือของคนกรมพลศึกษามาเป็นที่ปรึกษาด้วย ซึ่งการสรรหาต้องทำให้เร็วที่สุดด้วยความโปร่งใส ก่อนจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง อีกเรื่อง คือ การย้ายสถานที่ตั้งกรมพลศึกษาจากบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ ไปยังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลอง 6 ตามแผนแม่บท 8 ปีที่วางไว้ ซึ่งในตอนนี้ได้มีการนำร่องย้ายบางฝ่ายไปแล้ว แต่ยังติดขัดปัญหาที่ความไม่พร้อม ทั้งสาธารณูปโภค ร้านค้า และความปลอดภัย จนมีการเรียกร้องให้ย้ายกลับมาที่สนามกีฬาแห่งชาติ
“ผมขอยืนยันว่ายังเดินหน้าย้ายไปที่คลอง 6 เหมือนเดิม ซึ่งปัญหาต่างๆ จะต้องลงไปดูและแก้ไขให้เร็วที่สุด แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงสวัสดิภาพของพนักงาน จะต้องลงไปดูด้วยตัวเองว่าจะแก้ไขอย่างไรบ้าง ส่วนอื่นๆ ก็จะต้องทยอยย้ายตามไปในอนาคต การมาพูดคุยกันครั้งนี้เห็นได้ว่า ทุกคนร่วมใจกัน อยากให้กรมพละกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ส่วนผมพร้อมเปิดประตูตลอด 24 ชั่วโมงที่จะรับฟังปัญหาต่างๆ” นายพงษ์ภาณุ กล่าว
ต่อข้อถามว่า จะยับยั้งการลาออกของนายนเรหรือไม่ ในเรื่องนี้นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า การลาออกเป็นความตั้งใจของอธิบดีนเรเอง จะไม่มีการยับยั้งแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของการคัดสรรอธิบดีคนใหม่การเสวนาในครั้งนี้ได้มีการหยิบยกรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ต้องรอให้มีการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาอีกครั้ง