คีย์แมน ของ อิชิอิ

“ไทยรัฐทีวี” เปิดแถลงข่าว การได้รับสิทธิ์การเป็น Official Broadcaster จากทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10

ซึ่งในปี 2568 นี้ พวกเราชาวยักษ์เขียว ยังคงผลักดันแคมเปญ “เชียร์ไทยให้กึกก้อง” ต่อไป

โดยได้จับมือร่วมกับสปอนเซอร์หลัก เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดสดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และชุด U23 ผ่านหน้าจอ ‘ไทยรัฐทีวี ช่อง 32’ เหมือนเคย

ประเดิมด้วยทีมช้างศึกชุดใหญ่ ที่จะลงอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ กับ อัฟกานิสถาน ในวันที่ 21 มี.ค. ในเวลา 20.00 น. (เริ่มเข้ารายการ 19.30 น.)

ต่อเนื่องด้วยการทำศึกเอเชี่ยนคัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดแรก ด้วยการเปิดบ้านรับการมาเยือนของศรีลังกา วันที่ 25 มี.ค.คิกออฟทุ่มครึ่ง (เริ่มเข้ารายการ ตั้งแต่ 19.00 น.)

ส่วนทีมชาติไทย ชุด U23 ก็มีคิวบินไปลับแข้งในทัวร์นาเม้นต์ “โดฮาคัพ 2025” 3 แมตช์ ระหว่าง 19 - 25 มี.ค.นี้

ซึ่งแฟนบอลชาวไทย สามารถเชียร์แข้งไทยทั้งชุดใหญ่และชุดเล็กให้กึกก้องกันได้เลย ทาง ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 และเว็บไซต์ www.thairath.co.th/tv/live

โดยเชื่อว่าคราวนี้แฟนลูกหนังส่วนใหญ่น่าจะโฟกัสไปที่ทีมช้างศึกผู้พี่

ที่เพิ่งจะเสียแชมป์อาเซียนไปให้กับทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม อย่างน่าเจ็บใจ ไปเมื่อช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมานี้เอง

แต่หลายคนก็ทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ใช้ทีมชาติชุดใหญ่ลงไปบู๊ในรายการนี้

ดังนั้นการที่น้องๆนักเตะรุ่นยังบลัด สร้างผลงานจนทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว

ส่วนรายการที่เราต้องเอาจริง และจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบลงประจัญบาน ก็คือเกมคัดเลือก เอเชี่ยนคัพ ที่กำลังจะระเบิดขึ้นในครั้งนี้นี่แหละ

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คอลูกหนังทั้งหลายจะจับจ้องไปที่การเรียกตัวผู้เล่นช้างศึกของกุนซือ มาซาทาดะ อิชิอิ ว่าจะถูกอกถูกใจกันมากน้อยขนาดไหน?

ซึ่งโผ 23 แข้งที่เพิ่งคลอดออกมาเมื่อวันก่อน ดูหน้าตาแล้วก็ถือว่าเป็นตามเนื้อผ้า

และฟอร์มการเล่นปัจจุบันของนักแต่ละคนที่โชว์ฟอร์มในสโมสรได้อย่างเข้าตากรรมการ

จะมีก็แต่ผู้รักษาประตูมือ 3 ซึ่ง โค้ชอิชิอิ ยังคงสไตล์เดิม ที่ชอบให้โอกาสกับนายทวารดาวรุ่งหน้าใหม่ได้เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแคมป์ทีมชาติอยู่เสมอ

ครั้งนี้จึงค่อนข้างเซอร์ไพรซ์หน่อย ที่มีชื่อของ “ภูวดล พลสงคราม” นายด่านของ อยุธยา ยูไนเต็ด จ่าฝูงไทยลีก2 เข้ามาติดธงเป็นครั้งแรก

ส่วนกองกลางถือว่าแน่นปึ้กเป็นพิเศษ เพราะมีทั้ง “กัปตันเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เข้ามาช่วยทะลุทะลวง ร่วมกับ เช็ค” สุภโชค สารชาติ

ขณะที่ “เบน เดวิส” ก็พิสูจน์จากอาเซียนคัพว่าเขานี่แหละเหมาะจะเป็นตัวทีเด็ดของทีมชาติชุดนี้มากที่สุดแล้ว

เช่นเดียวกับ “กัน” ธนวัฒน์ ซึ่งจิตถาวร มิดฟิลด์ตัวกลั่นของ ราชบุรี เอฟซี ที่คัมแบ็คมารับใช้ทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง ตามคำเรียกร้องของพ่อยกแม่ยกทั้งหลาย

ด้านกองหน้าตัวหลักที่ยืนหนึ่งชั่วโมงนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

ที่ตั้งแต่กลับจากยุโรปพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองแบบก้าวกระโดด จนนักเตะต่างชาติหลายๆคนในทีมบุรีรัมย์ยังต้องอาย

โดยล่าสุดเพิ่งเป็นฮีโร่หวดประตูชัยพาทีมปราสาทสายฟ้าบุดดับยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ถึงถิ่น

ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้วยใหญ่ของเอเชีย ไปได้อย่างยอดเยี่ยม กระเทียมดอง!!

จะมีที่น่าเสียดายอยู่บ้าง ก็คือ 2 แดนกลางฮาร์ดแมนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเจ๋งเป้งให้กับต้นสังกัด

ทั้ง “เจ้าตัง” สารัช อยู่เย็น ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่หลุดโผไป

เพราะ อิชิอิ คงสะดวกใจที่จะใช้ “นิวฉ่ำ” พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เของ การท่าเรือ เอฟซี เป็นตัวชนในตำแหน่งมิดฟิลด์มากกว่า

ซึ่งแน่นอนตำแหน่ง “ลูกรัก” ในทีมชาติชุดนี้ ที่หลายคนชอบเปรียบเปรยเวลาไม่ถูกใจใคร เพราะถูกเรียกมาติดทีมชาติอยู่เป็นประจำ

จึงต้องตกมาเป็นของ พีรดนย์ ไปโดยปริยาย

ทั้งที่ความจริงแล้ว จะบอกว่าเขาเป็น ลูกรัก ก็คงไม่เชิง เนื่องจากโค้ชทุกคน มีสไตล์การทำทีม ไม่เหมือนกัน

และมีนักเตะคนโปรด ที่ตอบสนองแทคติกการเล่นของตัวเอง อยู่ในใจด้วยกันทั้งนั้น

ซึ่ง “เจ้านิว” พีรดนย์ ก็คือจิ๊กซอว์สำคัญ และเป็นนักเตะที่ โค้ชอิชิอิ รู้วิธีการใช้งานมากที่สุด

หลังเคยปลุกปั้นกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ สมุทรปราการ ซิตี้ จนมาร่วมงานกันอีกที่ บุรีรัมย์

ฉะนั้นการที่เราได้เห็น “พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี” ถูกเลือกเป็นตัวคีย์แมน ของทัพช้างศึกซามูไร

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก...แต่อย่างใด !?!

- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com