บี บางปะกง
การรีเทิร์นกลับมาคุมทัพ การท่าเรือ เอฟซี อีกครั้ง ของ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ในคราวนี้ ไม่ง่ายเสียแล้วล่ะครับ!
2 แมตช์ที่ผ่านมา ทั้งในบอลถ้วย เอฟเอคัพ ที่แพ้ บีจี ปทุม คาบ้าน 1-2
และ เกมไทยลีก นัดล่าสุด โดนเจ้าถิ่น อุทัยธานี ไล่ตีเสมอ 1-1 ทำให้พวกเขายังหาชัยชนะไม่เจอ
ต้องรอดูว่าเกมต่อไป ในศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก2 ที่ “สิงห์เจ้าท่า” จะเล่นเกมเหย้า รับการมาเยือนของ เปอร์ซิบ บันดุง จากแดนอิเหนา ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.นี้
ผลจะออกมาเป็นอย่างไร? ถ้านัดนี้ ยอดทีมแห่งถิ่นคลองเตย ยังเก็บ 3 คะแนน ไม่ได้อีก
ความกดดันทั้งหลาย ทั้งปวง จะมาเยือน “โค้ชอ้น” (อีกคำรบ) จริงๆแล้วคราวนี้!
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ช่างแตกต่างกับอีกหนึ่งทีม ที่ถูกกะเก็งว่าจะเป็นที่หมายใหม่ของโค้ชรังสรรค์ ตอนที่ประกาศลาออกจากการท่าเรือ ในตอนแรก
นั่นก็คือ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งถ้าใครจำได้ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เก้าอี้เฮดโค้ชของกุนซือ “จีโน่ เล็ตติเอรี่” ต้องลุกเป็นไฟ
หลังผลงานของ “แข้งกิเลน” ฝืดสนิทศิษย์ส่ายหน้า ผยองไม่ออกในทุกรายการ อย่างต่อเนื่อง
พลาดท่าตกรอบบอลถ้วยลีกคัพด้วยน้ำมือทีมจากไทยลีก3 เมืองตรัง ยูไนเต็ด ยังไม่พอ
ยังมาโดน “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี บุกต่อยพ่ายคาบ้าน ไปอีกต่างหาก
ตอนนั้นทุกคนกะเก็งเลยว่า ยังไง โค้ชจีโน่ คงชะตาขาด ไม่น่ารอดสันดอน อีกต่อไปแล้ว
แต่ที่ไหนได้ ในวันเดียวกันกลับกลายเป็น “โค้ชอ้น” ที่ถอดใจชิงลาเก้าอี้การท่าเรือไปซะก่อน
ส่วน โค้ชจีโน่ สงสัยจะแขวน “พระรอด” แคล้วคลาดการถูกเด้งไปได้…อย่างเหลือเชื่อเป็นที่สุด!!
ซึ่งการตัดสินใจให้โอกาสกุนซืออิตาเลียนผู้นี้ ได้ทำงานต่อ กลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ “ถูกต้อง”ของผู้บริหารเมืองทอง
เพราะหลังจากแมตช์ที่แพ้ประจวบ เป็นต้นไป กิเลนที่เคยเงื่องหงอยมานาน ก็เหมือนตื่นจากภวังค์
ถูกปลุกชีพให้คืนกลับมาผยองเดชได้อีกครั้ง!
ด้วยการคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งในทุกรายการของเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
เริ่มจากการบุกไปยิงสลุต เซบู ในถ้วย ACL2 ถึงฟิลิปปินส์ ด้วยสกอร์ กระจุยกระจายถึง 9-2
ก่อนจะกลับมาเฆี่ยนเอาชนะ นครปฐม 3-1 ในศึกไทยลีก
P ตามด้วยการถล่ม ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด 3-0 ในศึกเอฟเอคัพ กลางสัปดาห์
และมาเปิดรังโค่นเอาชนะจ่าฝูง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-1 อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ในเกมล่าสุด
ทำให้ “แข้งเทพ” ที่ชนะติดต่อกันมาในลีก 5 นัดรวด ต้องสะดุด หยุดสถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการไว้ที่ 17 นัด
เรียกบรรยากาศแห่งความสุขสมหวังที่ห่างหายไปนานแล้วจากถิ่นธันเดอร์โดม
ให้คืนกลับมาแก่ สาวกกิเลน ได้ใจฟูกันอีกครั้ง
ซึ่งตรงนี้คงต้องยกให้เป็นเครดิตแก่ “โค้ชจีโน่” ที่ใช้เวลาไม่ถึงเดือน
เปลี่ยนสถานะตัวเองให้กลายเป็น “โค้ชจีเนียส” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยฝีไม้ลาย “กึ๋น” การแก้เกม บวกแทคติกการเล่นที่มีประสิทธิภาพ ในช่วงแมตช์หลังๆที่ผ่านมา
โดยในแมตช์ที่ชนะบียู เห็นได้ชัดเลยว่ากุนซือกิเลน มีทีเด็ดมาจัดการกับเกมรุกของจ่าฝูง ได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ
ขณะเดียวกันก็เรียกฟอร์มเก่งของนักเตะในทีมทั้งแข้งไทยและแข้งต่างชาติ...ให้มาอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่างน่าชื่นชม
ไม่ว่าจะเป็น คคนะ คำยก , ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ , สรวิทย์ พานทอง ฯลฯ
รวมทั้งกองหน้าทีมชาติคอสตาริกา อย่าง "เฟลิซิโอ้ บราวน์" ที่เคยถูกมองว่าเป็นสากกะเบือมาตลอด
ถึงตอนนี้ กลับระเบิดตาข่ายคู่ต่อสู้ไปแล้ว 3 ลูกจาก 5 เกมหลังสุด และเพิ่งเป็นฮีโร่ ตะบันประตูชัยดับแข้งเทพ จนไร้แต้มกลับบ้าน
น่าเสียดายทั้ง “ซีโฟร์” คคนะ กับ ทรงวุฒิ และแข้งกิเลนคนอื่นๆจะไม่มีชื่อไปรับใช้ทีมชาติไทยในศึกอาเซียนคัพหนนี้
เพราะไม่ตรงกับ “ฟีฟ่าเดย์” และ เมืองทอง ก็มีโปรแกรม (หนัก) รอท่าอยู่ทั้งเดือนนี้และเดือนหน้า เต็มพรึ่ดไปหมด
โดยเฉพาะเกมตกค้างไทยลีก ที่ต้องบุกไปเยือน บุรีรัมย์ ที่ช้าง อารีน่า ในวันที่ 22 ธ.ค. ถือว่าสำคัญที่สุด
สถานะของ กิเลนผยอง ณ ปัจจุบัน อาจไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ลีก เหมือนแต่ก่อน
แต่พวกเค้า ยังคงสถานะภาพเป็น “ตัวแปร” กำหนดชะตา ให้บิ๊กทีมที่เหลือ ได้อยู่ตลอดเวลา
ชนะจ่าฝูงได้ ถือว่าสุดยอดแล้ว
แต่ถ้าบุกไปพลิกคว้าชัย หรือฉกแต้มออกมาจากรังแชมป์เก่า ได้อีกล่ะก็
นั่นคือความสะใจแบบสุดๆ ของแฟนเมืองทอง ที่แท้ทรู !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com