บี บางปะกง
บินล่องใต้สู่จังหวัดสงขลากันแล้วในวันนี้
สำหรับทัพนักเตะช้างศึก ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ของกุนซือซามูไร มาซาทาดะ อิชิอิ
ที่มีคิวลงเตะอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50
โดยจะฟาดแข้งกันที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ จ.สงขลา ตามโปรแกรม ดังนี้
วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567
16.30 น. ซีเรีย (อันดับ 92 โลก) พบ ทาจิกิสถาน (อันดับ 103 โลก)
20.00 น. ทีมชาติไทย (อันดับ 100 โลก) พบ ฟิลิปปินส์ (อันดับ 148 โลก)
ซึ่งผู้ชนะจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2567 ส่วนผู้แพ้ จะแข่งขันกันในนัดชิงอันดับ 3 วันเดียวกัน
ทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงเตะ จะถ่ายทอดสดให้ชมกันทาง ไทยรัฐ ทีวี HD ช่อง 32 และ Facebook, Youtube Changsuek Official
นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีเลยทีเดียว
ที่ลูกหนังอันเป็นตำนานบอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานที่สุดในทวีปเอเชีย (ถือกำเนิดปี พ.ศ.2511)
จะคัมแบ็กลงไปฟาดแข้งกันในดินแดนด้ามขวานทองกันอีกครั้ง
ซึ่งถ้าใครจำกันได้ นโยบายเอาฟุตบอลคิงส์คัพออกไปสัญจรต่างจังหวัดให้แฟนบอลภูธรได้สัมผัส ของสมาคมลูกหนังไทย
เริ่มขึ้นครั้งแรกในยุคนายกฯ วรวีร์ มะกูดี กับศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 36 เมื่อปี 2548 ใน 3 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กระบี่ พังงา และ ภูเก็ต
โดยได้เชิญ ทีมชาติเกาหลีเหนือ , ทีมชาติลัตเวีย และทีมชาติโอมาน มาร่วมฟาดแข้งกับ ทีมชาติไทย
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สึนามิ ครบรอบ 1 ปีเต็ม
และแชมป์ในครั้งนั้นตกเป็นของ ลัตเวีย ส่วนทีมชาติไทย ได้อันดับ 3 ไปครอง
จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา คิงส์คัพลงไปจัดทางใต้เป็นคำรบสอง ในปี 2552 ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต
มี เดนมาร์ก , เลบานอน และ เกาหลีเหนือ เป็นทีมรับเชิญ
โดยแข้งช้างศึกชุดลุยคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 (ปี 2009) มีกุนซือชาวอังกฤษ ปีเตอร์ รีด คุมทัพ
ขุมกำลังอุดมไปด้วยดาวดัง ไม่ว่าจะเป็น นายทวาร โกสินทร์ หทัยรัตนกุล ,ฝาแฝด สุรีย์ -สุรัตน์ สุขะ , ดัสกร ทองเหลา ,สุเชาว์ นุชนุ่ม , สุธี สุขสมกิจ รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดาว กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรง
ทีมชาติไทย ประเดิมสนามด้วยการเฆี่ยนเอาชนะ เลบานอน 2-1 จากการซัลโวของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ กับ “กบ” สุเชาว์
ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับแข้ง “โคนม” เดนมาร์ก ที่เฉือนชนะ เกาหลีเหนือ 1-0
ซึ่งเกมนัดชิงฯ ดวลแข้งกันอย่างเข้มข้นมันส์หยดติ๋ง โดยครึ่งแรก เดนมาร์ก ขึ้นนำไปก่อน
ก่อนที่ครึ่งหลัง ไทยจะบุกกดดันอย่างหนัก จนมาตามตีเสมอเป็น 1-1 จากการสังหารจุดโทษของ สุธี สุขสมกิจ
และ “เจ้าเบิร์ท” ก็หลุดเข้าไปยิง ให้ทีมช้างศึกขึ้นนำเป็น 2-1 ในนาทีที่ 80
ซึ่งเกมก็น่าจะจบลงตรงนี้ เพราะฟอร์มของทีมช้างศึกเหนือกว่าอย่างชัดเจน
แต่แล้วในนาทีสุดท้าย แข้งโคนมก็มาพังประตูตีเสมอเป็น 2-2 จนได้ หมดเวลาจึงต้องดวลจุดโทษหาทีมแชมป์
ผลปรากฎว่า เดนมาร์ก เท้าฉมังกว่ายิงเข้าหมดทั้ง 5 คน ส่วนช้างศึกยิงเข้า 3 คน ทีมชาติไทยจึงปราชัยไปด้วยประตูรวม 5-7
ชวดแชมป์คิงส์คัพสัญจรที่ภูเก็ตในครั้งนั้น...ไปอย่างน่าเสียดายที่สุด!
และก็แทบไม่น่าเชื่อว่าฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ที่ออกไปเตะต่างจังหวัด ในภาคอื่นๆอีก 6 ครั้งต่อมา
ไม่ว่าจะเป็น สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา (ปี 53,58)
สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี (ปี 56,65 และ66)
และสนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ (ปี 62)
ทีมชาติไทย ของเราจะยังไม่เคยได้ชูถ้วยแชมป์นอกเมืองหลวงกันเลย แม้แต่สักครั้งเดียว
ดีที่สุดก็คือการเป็นรองแชมป์เหมือนที่ภูเก็ต ในคิงส์คัพโคราช ครั้งที่ 43
กับ คิงส์คัพ ครั้งที่ 49 เมื่อปีที่แล้ว ที่เชียงใหม่ ซึ่งพ่ายดวลจุดโทษอิรัก ในรอบชิง
จนมาถึงฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ที่สัญจรลงใต้ มาบู๊แข้งที่สงขลา ในคราวนี้
เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ (72 พรรษา) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น่าจะเป็นโอกาสดีและเหมาะสมที่สุดแล้ว ที่พลพรรคช้างศึก จะผงาดครองแชมป์คิงส์คัพ “ถ้วย ร. 10”
มาให้คนไทยทั้งประเทศ…ได้ชื่นชมกัน !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com