หน้าแรกแกลเลอรี่

อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์...โดย กล้า ปีนเกลียว

MR .Unknown

31 ส.ค. 2567 12:18 น.

ปิดฉากไปแล้วสำหรับ เอเชียน อินดอร์เกมส์ ไทยแลนด์ 2024 ในแบบไม่มีเกมการแข่งขัน คือส่วนของชาวไทยในฐานะเจ้าภาพการแข่งขัน คือ การโดนถอนสิทธิ์ ไม่ได้จัดการแข่งขัน เป็นที่แน่นอน

ในฐานะคนกีฬา อยากจะก่นร้องบ่นด่า ไปอีกเป็นหมื่นครั้ง กระนั้นก็ยังไม่หายปวดใจ วันนี้ก็ขอต่ออีกที และมีโอกาสก็จะสาปแช่งไปเรื่อยเรื่อย เพราะ นี่คือ เหตุการณ์ขายหน้าระดับทวีป เป็นความเสียหายของชาติ เป็นความเสียหายที่เรียกว่า แพ่งและอาญา คือ ทั้งเสียเงินทองมากมายหลายร้อยล้าน เสียค่าปรับ เสียหายทางธุรกิจ เงินภาษีโดนสรรพากรรีดไปเลือดตาแทบกระเด็นมาเสียไปไม่เป็นเรื่อง

ทั้งค่าใช้จ่ายของนักกีฬา ของประเทศเราเอง และของต่างชาติที่ซ้อมมาแล้ว 2-3 ปี แต่ไม่ได้ลงแข่ง ลงทุนจ้างโค้ช เซ็นสัญญา ก็เสียเงินเปล่า เพราะโค้ช ผู้ฝึกสอน เขาจ่ายกันเป็นรายปี ปีนี้ไม่แข่ง ปีหน้าก็ไม่รู้จะอยู่ต่อหรือเปล่าก็ต้องเสียเงินเซ็นใหม่

ส่วนทางอาญา ก็เหมือน กีฬาไทยโดนจำคุก ต้องรอออกจากกรงอีกหลายปี กว่าจะพ้นโทษแบนจากการแข่งขันระดับทวีป คือ ในส่วนของ เอเชียนเกมส์อินดอร์เกมส์นี่ก็คงโดนแบนอีกนานไม่ได้จัด และแน่นอนว่า มันจะพ่วงไปเอเชียนเกมส์ด้วย เพราะมันเป็นชุดเดียวกับ โอซีเอ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งเอเชีย


ซึ่งแน่นอนว่า ไอ้จะฝันไปจัดโอลิมปิก ระดับใหญ่สุด ไปจนถึงฟุตบอลโลก นี่ก็ต้องบอกว่า กลายเป็นฝันกลางวันไปเลย เมื่อเครดิตติดลบขนาดนี้ เอาเป็นว่า จัดซีเกมส์จัดอาเซี่ยนคัพให้รอดก่อนจะดีกว่า


ไม่นับ ความเสียหายในเชิงกีฬา นักกีฬา ซึ่งการลงเล่นในบ้าน หลายกีฬาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ ได้อัดฉีดไปต่อทุนชีวิต หลายคนก็ใกล้จะเลิกเล่นก็มีโอกาสเตรียมลงทิ้งทวน ดาวรุ่งก็รอแจ้งเกิด

เหล่านี้ก็นับเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้น

เพราะทุกชนิดกีฬาที่มีแข่งนั้น ได้เตรียมการฝึกซ้อมเตรียมทีมไปแล้วทั้งนั้น หลายคนลางาน ลาออก เพื่อมาเป็นนักกีฬา ฝากอนาคตไว้กับงานนี้

ซึ่งสุดท้าย ก็บัวแล้งน้ำ

ประเทศไทยกับการเมืองห่วยๆ อันเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันขึ้น จาก วลี ผลงานมึงไม่ไช่ผลงานกู อันนี้งานกู ไม่ไช่งานมึง

แต่พอถึงตอนนี้เมื่อมันจบลงไปแล้ว กลับไม่มีผู้รับผิดชอบ จับมือใครดมไม่ได้ เหมือนคนผิดมันลอยนวลไปเสียเฉยๆยังงั้น

จนคล้ายกับว่า คนผิด ก็คือ ประเทศไทย ประเทศที่โดนถอนสิทธิ์

ดังนั้น คนไทยทุกคนก็ร่วมกันรับผิดคราวนี้ไป

ตอนนี้ มันคล้ายจะยังงั้น

แต่ใครละที่ทำให้โดนถอนสิทธิ์

รัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิก นักกีฬา โค้ช หรือ ใคร
วันนี้ ขอมากระชากลากถู ไล่เรียงอีกสักที

กลับมาในจุดเริ่มต้นที่ว่า เริ่มแรกนั้นใครเป็นคนบิทกีฬา ใครมีสิทธิ์บ้าง ที่จะทำเรื่องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันงานนี้

ตามกระบวนการแล้ว สิทธิ์นั้นต้องเกิดจากการเป็นสมาชิก การเป็นสมาชิก โอซีเอ หรือ โอลิมปิกออฟเอเชีย ก็คือ โอลิมปิกแห่งชาติหรือเอ็นโอซี ซึ่งของไทยนั่นก็คือ คณะกรรมการโอลิมปิกของไทย

การจะขอเริ่มจัดนั้น ต้องเริ่มจากสิทธิ์ของ โอลิมปิคไทย ที่ต้องทำเรื่องขอเป็นเจ้าภาพจากไอโอซี โดยโอลิมปิกไทยจะต้องขออนุมัติงบไปยัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยผ่านการเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นให้ของบไปยัง การกีฬาแห่งประเทศไทยเพื่อดำเนินการเตรียมนักกีฬา และของบกองทุนพัฒนาการกีฬาเพื่อจัดสรรต่อไป ส่วนงบอื่นๆ อาทิงบก่อสร้าง งบพัฒนาประเทศ ก็เสนอไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่จะไปหางบอื่นๆต่อ จากรัฐบาล

แน่นอนว่า ทุกกระบวนการก็ต้องจบในทุกส่วน ก่อนจะไปถึงกระบวนการรับธง อันเป็นการรับไม้ต่อจากเจ้าภาพเดิม ซึ่ง ประธานคณะกรรมการโอลิมปิค ก็ไปรับธงด้วยตัวเองมาแล้ว

แต่ไหงกลายเป็นว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของรัฐบาล กลับไม่มีการรับไม้ต่อ ซึ่งจริงๆแล้ว พรรคพลังประชารัฐของประธานคณะกรรมการโอลิมปิค ก็ร่วมอยู่ในรัฐบาลด้วย เพียงแต่ไม่ได้คุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเท่านั้นเอง

และประธานโอลิมปิค ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ก็ประกาศขอเลื่อนการแข่งขันเมื่อเดือน พฤศจิกายนอีกต่างหาก

อย่างไรก็ดี การอ้างถึง การไม่สานงานต่อของรัฐบาล ที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีบ่อย ก็มีน้ำหนักและเหตุผลอยู่บ้าง ว่าฐบาลเองไม่ว่าจะเปลี่ยน รมต.บ่อยแค่ใหน ก็ต้องเอางานเร่งด่วนของชาติที่จะก่อให้เกิดความเสียหายมาก่อน

อย่างน้อยๆ รัฐมนตรีไม่มี ทางผู้ว่าฯที่ต้องรับงานนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้ว ก็ต้องเดินงานรัฐบาลเปลี่ยนรัฐมนตรีก็ยังมีนายกฯ หัวหน้ารัฐบาลอยู่ แต่ก็ยังเดินไม่ได้

คนที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ อยู่ทุกวันย่อมรู้ว่า ความเสียหายนี้เมื่อเกิดขึ้น ย่อมเสียหายหลายส่วน มีทั้งเงินค่าปรับ การโดนแบน งบประมาณที่ถูกใช้ไปแล้ว ธุรกิจกีฬาที่กระตุ้นเศรษฐกิจหายไป

ภาคส่วน โรงแรมร้านอาหารการท่องเที่ยวรถขนส่ง ถูกหายไปจากระบบ เป็นความเสียหายของชาติ แต่ดันมาออกข่าว “ไม่จัดไม่เป็นไร ไม่เสียหาย” รัฐมนตรีใหม่ก็รับลูก ไม่จัดก็ไม่เป็นไร ปล่อยผ่าน อันนี้จึงสงสัยว่า คิดไม่ได้ หรือ ไม่ได้คิด จึงได้กล่าวออกมา

แถมยังไปอ้างอิง เวียดนาม สิงคโปร์ อะไรไปโน่น ....

นึกๆถอยหลังไปเป็นเวลาหลาย 10 ปี หรือนับ 100 ปี แล้ว ที่ต้องบอกว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยสักเท่าไร แม้แต่รายการเล็กๆ ลงมา เช่น ฟุตบอลอาเซียน ฟุตซอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน นั้นก็แทบไม่เคยที่ประเทศไทยจะผิดนัด หรือ พลาดคอขาดบาดตายประเภทโดนยึดสิทธิ์การจัดการแข่งขันกลับคืน ซึ่งนี่ สามารถนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการกีฬาไทยได้เลย

เพียงแต่ เรื่องนี้ไม่ไช่ประวัติศาสตร์ที่งดงาม แต่เป็น ความอัปยศในประวัติศาสตร์
ส่วนที่มันเกิดขึ้นใน ยุคใด สมัยใด ผลงานใคร มีใครบ้าง ก็ขอให้มันจารึกไว้หน้าประวัติศาสตร์ อยู่ในใจของลูกหลานเหลนสืบไปก็แล้วกัน ...

กล้า ปีนเกลียว