หน้าแรกแกลเลอรี่

ได้เวลาสร้างเลือดใหม่ !!

บี บางปะกง

12 ส.ค. 2567 10:01 น.

17 วัน แห่งความสุข ความทรงจำอันยิ่งใหญ่ ของนักกีฬาจากทั่วทั้งโลก

ในที่สุดมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 “ปารีส 2024” ก็รูดม่านปิดฉากลงไปแล้ว ด้วยความประทับใจยิ่ง

โดยเฉพาะผลงานของทัพนักกีฬาไทย ที่คว้ามาได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง

ดีขึ้นกว่า โตเกียวเกมส์ 2020 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ได้มา 1 ทอง 1 ทองแดง อย่างเห็นได้ชัดที่สุด!

แม้เราจะไม่ได้เป็น “เต้ย”ในอาเซียน ถ้าวัดด้วยจำนวนเหรียญทองที่ได้มา

แต่หากว่ากันด้วยมาตรฐานแล้ว เราก็ยังเป็น“หนึ่งในตองอู”ของกีฬาสากลในภูมิภาคนี้…ไม่มีเปลี่ยนแปลง

ซึ่งคอลัมน์ “Sport Insider” ในวันนี้ ขอร่วมบันทึกความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจกับทั้ง 6 เหรียญรางวัล ที่ไทยแลนด์เราเอากลับบ้านมาได้ในคราวนี้

เริ่มจาก มวยสากลสมัครเล่นหญิง ที่ยังคงเก็บเหรียญทองแดงได้อีกครั้ง จาก “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง 66 กก.หญิง ที่ฝ่าด่านคู่ต่อสู้มาจนถึงรอบตัดเชือก

ก่อนโคจรมาพบ อิมาน เคลิฟ นักชกสาวแอลจีเรีย ที่เจอดราม่าเรื่องเพศเล่นงานจนอ่วมอรทัย

และ จันทร์แจ่ม ก็สู้ความแข็งแกร่งไม่ไหว (ตามคาด) แพ้ตกรอบไปในรอบนี้

แต่ก็ได้เหรียญทองแดงมาปลอบใจ ขณะที่ เคลิฟ ก้าวไปคว้าเหรียญทอง แบบแฮปปี้ เอ็นดิ้ง ในที่สุด!

ตามมาด้วยการคัมแบ็คคืนเวทีโอลิมปิกอย่างสง่างามของ “ทัพนักยกนำ้หนักทีมชาติไทย” กับผลงาน 3 เหรียญ “1 ทองแดง 2 เงิน”

ที่ได้มาจาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า คว้า 1 เหรียญทองแดง ในรุ่น 49 กก.หญิง

บวกอีก 2 เงินของ 2 นักยกลูกเหล็กชาย “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ในรุ่น 61 กก.ชาย

กับ “เวฟ” วีรพล วิชุมา จากรุ่น 73 กก. ชาย พร้อมทุบสถิติเยาวชนโลกท่าคลีนแอนด์เจิร์กได้อีกด้วย

ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้คงต้องยกเครดิตให้ผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่าน

โดยเฉพาะ “เสธยอด” พล ต.อินทรัตน์ และ “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้ทัพยกลูกเหล็กไทยมาช้านาน

ส่วนเหรียญเงินประวัติศาสตร์ครั้งแรกในรอบ 32 ปีของวงการแบดมินตันไทย ในโอลิมปิกเกมส์

ถูกจารึกชื่อโดย “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ สุดยอดนักตบลูกขนไก่ วัย 23 ปี ที่หักด่านเสือ สืงห์ กระทิง แรด จนทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ อย่างยอดเยี่ยม

แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับแชมป์เก่า “ยักษ์โคนม” วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน มือ 2 โลกจากเดนมาร์ก

แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว กับความยิ่งใหญ่ที่ “หนุ่มวิว” ได้สร้างขึ้นในปารีสเกมส์ 2024 กับเหรียญนี้ที่พวกเราทุกคนรอคอยมากว่า 3 ทศวรรษ

ซึ่งแน่นอนคนที่ปลาบปลื้มมากที่สุดเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้

นอกจากประมุขหญิงเหล็กของสมาคมแบดมินตันไทย “คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล” ไอโอซีเมมเบอร์

ที่ทุ่มเททำงานหนักทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ทั้งหน้าฉากและหลังฉาก จนในที่สุดแบดฯไทยของเรา...ก็มีวันนี้จนได้

และที่สุดแห่งความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจสุดๆ ของทัพไทย ในโอลิมปิกครั้งนี้

ก็คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สุดยอดของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ ได้ 3 สมัยติดต่อกัน

กับอีก 1 เหรียญทอง เทควันโดหญิง รุ่น 49 กก.หญิง

ภายใต้การกำกับของเทรนเนอร์โสมคู่ใจ “โค้ชเช” เช ยอง ซอก

ที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชไทยอย่างเต็มตัวหนแรก ในชื่อไทย “ชัชชัย เช” ที่เจ้าตัวสุดภูมิใจเป็นหนักหนา

โดยชัยชนะของ เทนนิส แทบทุกรอบ ก็มีสายตาเหยี่ยว ของ “โค้ชเช”นี่แหละ…เป็นตัวช่วยชั้นเลิศ อย่างแท้จริง!!

และนั่นคือบทสรุปผลงานมาสเตอร์พีช 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง โอลิมปิก ตั้งแต่ ริโอ 2016 - โตเกียว 2020 - ปารีส 2024

ปิดฉากการรับใช้ชาติของ “เทนนิส-ภานิภัค” อย่างสมบูรณ์ฟูล ออพชั่น

ขึ้นฮอลล์ ออฟ เฟม นักกีฬาทีมชาติไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเรา...ตั้งแต่เคยมีมา

คือจุดสูงสุดของชีวิตนักกีฬา นั่นคือการประกาศรีไทร์ ในวันที่ตัวเองประสบความสำเร็จอย่างสง่างาม เหนือคำบรรยาย

ดังนั้นผู้หลัก ผู้ใหญ่ ที่เคารพ (บางท่าน) ซึ่งปราถนาดี อยากเห็นน้องลุยต่อไปอีก 4 ปี เพราะมองว่ายังไหวอยู่

ขอร้อง...จงล้มเลิกความคิดนั้นไปซะเถอะ

แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาสร้างนักกีฬาสายเลือดใหม่

ที่จะเป็น “ทายาทน้องเทนนิส” ในอนาคต

เสียตั้งแต่วันนี้…จะดีกว่า (เยอะ) !!!

บี บางปะกง

joggingboy_be@yahoo.com