หน้าแรกแกลเลอรี่

อาการจุกท้องของนักวิ่ง

ฟ้าคำราม

30 มิ.ย. 2567 05:05 น.

วิ่งรอบโลกปั่นทั่วไทย แชร์ความรู้ดีๆ มาจากเพจ วิ่งไหนดี : Wingnaidee ในหัวข้อ จากสาเหตุที่เราวิ่งๆอยู่แล้วเกิดอาการจุกเสียดท้อง เจ็บปวดราวกับเป็นตะคริว บางคนวิ่งไปไม่ทันไรก็จุกขึ้นมาซะอย่างนั้น จากที่กายพร้อม ใจพร้อม อยากจะวิ่งเต็มที่ กลายเป็นต้องมาร้องโอดโอยข้างทาง หมดอารมณ์วิ่งกันไปเลย

อาการจุกท้อง หรือเสียดท้องบริเวณท้องน้อย อาจเกิดได้จากสารพัดรูปแบบหลากหลายสาเหตุ โดยจุดที่พบบ่อยจะเป็นใต้ซี่โครงขวา อาการจุก มักเกิดขึ้นกับกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงซ้ำๆ แน่นอน การวิ่งเป็นหนึ่งในนั้น เพราะขณะที่เราวิ่งมีการย่ำเท้าขึ้นลงอย่างหนักไปที่พื้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เรากำลังหายใจออก ส่งผลให้เราต้องหายใจเร็วขึ้น ถี่ขึ้น กะบังลมของเราก็เลยต้องทำงานหนักขึ้นเช่นเดียวกัน จนทำให้เกิดอาการเกร็ง และกลายเป็นตะคริว หรือที่เราเรียกกันว่า อาการจุกเสียดนั่นแหละ

นอกจากนี้ อาการจุกยังอาจเกิดได้จากที่แก๊สในอาหารที่เพื่อนๆกินกันไปก่อนหน้าที่จะมาวิ่งได้เหมือนกัน ขณะที่วิ่งๆ อยู่นั้น ลำไส้มีการเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆ ทำให้แก๊สจากอาหารที่กินเข้าไปนั้นลอยขึ้นไปดันกะบังลม และเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในลำไส้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้เกิดอาการจุกเสียดท้องขึ้นมาได้นั่นเอง อาการนี้ให้ทำใจร่มๆ เมื่อลดความเร็วในการวิ่งลง เพื่อรอให้เจ้าอาหารหรือแก๊สย่อยหมดเสียก่อน อาการเหล่านั้นก็จะหายไปเอง

จากการทดลองในประเทศญี่ปุ่น ได้ทดสอบจากนักวิ่งมาราธอน 321 คน พบว่ามีผู้ที่มีอาการจุกเสียดท้องบริเวณท้องด้านข้าง 83% และตรงกลางท้อง 17% โดยสาเหตุเกิดจากแก๊สที่ลอยขึ้นไปดันกะบังลม

มีข้อแนะนำเบื้องต้นมาบอกกัน 1.หลีกเลี่ยงที่จะออกกำลังกายหลังจากที่ทานอาหารมา และรอให้มันได้ทำการย่อยสัก 2-3 ชั่วโมง 2.หลังทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำ แนะนำให้จิบแทน เว้นระยะสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยดื่มน้ำ จะทำให้ท้องไม่อืด 3.ปรับการหายใจให้สัมพันธ์กับการก้าวเท้าวิ่งของเรา เพื่อให้ปอดและกล้ามเนื้อกะบังลมทำงานสัมพันธ์กัน 4.ปรับท่าวิ่งให้แกนลำตัวตรง ไม่ห่อตัว ไม่งอหลัง โดยให้หลังช่วงบนตั้งตรงมากขึ้น

แต่หากว่ายังเกิดอาการจุกเสียดท้องอยู่ ให้ลองหายใจเข้า-ออกลึกๆกดบริเวณที่มีอาการจุก แต่ถ้าอาการยังไม่สู้ดีจนวิ่งซ้อมต่อไม่ไหวจริงๆก็อย่าไปฝืน รอให้อาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับมาซ้อมจะดีกว่า

ฟ้าคำราม
socialfox@hotmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิ่งรอบโลก-ปั่นทั่วไทย” เพิ่มเติม