โจโจ้
ไม่แปลกถ้ามีคนรู้สึกปลื้มหรือ ภาคภูมิใจที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ประชุม “ฟีฟ่า คองเกรส” ครั้งที่ 74 ที่มีชาติสมาชิกกว่า 200 ประเทศเข้าร่วม
เพราะถือเป็นงานระดับโลกที่หาจัดไม่ได้ง่ายๆ หากไม่มีศักยภาพที่เพียงพอ บวกกับมีตำนานระดับโลก รวมถึงคนดังในวงการลูกหนังมาร่วมอย่างคับคั่งถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน
ไม่ใช่แค่ด้านเศรษฐกิจที่จะมีรายได้หมุนเวียน ในช่วงดังกล่าว แต่สิ่งที่ได้มากกว่าคือชื่อเสียงของ ประเทศที่ออกไปสู่สายตาชาวโลก
ต้องขอบคุณ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมลูกหนัง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้การเป็นเจ้าภาพจัด “ฟีฟ่า คองเกรส” ครั้งนี้เกิดขึ้น
สิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีคือคำชื่นชมจากปากของ “มร.จานนี อินฟานติโน” ประธานฟีฟ่า ที่ประทับใจ ในการต้อนรับของประเทศไทย ไม่เท่านั้น หลายชาติเอง ก็รู้สึกสุขใจในการดูแลเอาใจใส่ของเจ้าภาพ
นอกจากคำชื่นชมของฟีฟ่าแล้ว “ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คอลิฟาห์” ประธานเอเอฟซี ยังส่ง หนังสือขอบคุณ “มาดามแป้ง” ในการจัดงานเอเอฟซี คองเกรส ครั้งที่ 34 อีกด้วย
ถือเป็นกระแสบวกหรือภาพรวมอันยอดเยี่ยมในการลงทุนเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลกแบบนี้
การเป็นชาติแรกของอาเซียนและชาติที่ 5 ในเอเชีย การจัดงานอินเตอร์แบบนี้ได้เครดิตบานเบอะ อย่างน้อยประเทศไทยก็มีชื่อในทำเนียบ “เจ้าภาพประชุมฟีฟ่า” เรียบร้อยแล้ว
นับเป็นนิมิตหมายที่ดีของวงการลูกหนังไทยหรือเป็นย่างก้าวที่สำคัญหากอนาคตประเทศไทยจะพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นเจ้าภาพที่ใหญ่ขึ้น
ก็ได้แต่หวังให้ความฝันของคนไทยเป็นจริง ในการเป็นเจ้าภาพหรือการไปเล่น “ฟุตบอลโลก” สักครั้งในชีวิต
หากก้าวไปถึงเป้าหมายที่หวังไว้วงการฟุตบอล ไทยหรือคนกีฬาคงจะมีความสุขแบบอิ่มเอิบ.
โจโจ้
คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม