ไทยรัฐฉบับพิมพ์
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 10 ปี ในปีนี้ แถมยังได้ผู้สนับสนุนอย่าง “แพลนบี มีเดีย” เข้ามาเป็นไตเติ้ลสปอนเซอร์ใหม่
เลยใช้ชื่อว่ารายการ “แพลนบี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซุปเปอร์ไบค์ 2024” ปีนี้ยังชิงชัยที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ มี 4 สนามตลอดฤดูกาล
สนามที่ 1 วันที่ 5–7 เม.ย., สนามที่ 2 วันที่ 31 พ.ค.–2 มิ.ย., สนามที่ 3 วันที่ 5–7 ก.ค. และสนามที่ 4 วันที่ 5–8 ก.ย.
ทั้งสิ้น 5 คลาสแข่งขัน ประกอบด้วย คลาสสูงสุดของประเทศไทย ได้แก่ ซุปเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี, ซุปเปอร์สต็อก 1000 ซีซี, ซุปเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, ซุปเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี และสปอร์ต โปรดักชัน 400 ซีซี
พร้อมทั้งมีการแยกนักแข่งรุ่นโปรใน 3 คลาสหลักออกมาเพื่อความดุเดือดยิ่งขึ้น ได้แก่ Super Bike 1000 ซีซี (SB1 Pro), Super Sport 600 ซีซี (SS1 Pro), Super Sport 400 ซีซี (SS1 Pro)
ผู้ชนะเลิศจากรายการนี้จะได้รับสิทธิไวลด์การ์ด เข้าแข่งขันศึกรถจักรยานยนต์รายการใหญ่แห่งทวีป อย่าง “เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปียนชิป 2025”
และในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการจัดการแข่งขันได้มีการยกระดับรายการชิงแชมป์ประเทศไทยรายการนี้ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับรายการแข่งขันระดับโลกอย่างโมโตจีพี และยังแข่งขันในสนามระดับโลก
นอกจากจะเปลี่ยนแปลงชื่อรายการแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของกติกาการแข่งขัน ที่ต้องมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนในทุกปี เพื่อให้กฎ กติกา ง่ายกับนักแข่ง ในการต่อยอดสู่การแข่งขันในระดับเอเชียมากขึ้น
มีรุ่นการแข่งขันที่หลากหลายถึง 15 รุ่น รองรับการแข่งขันตั้งแต่มือสมัครเล่นที่อยากลงแข่ง ไปจนถึงรุ่นโปร ให้สมกับแนวคิดที่ว่า Anyone can be a Hero
สำหรับหลายๆทีมที่เข้าแข่งขันปีนี้มีนักแข่งระดับดาวรุ่งเลือดใหม่ ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขันต้องให้กำเนิดนักแข่งหน้าใหม่ก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับเอเชียและระดับโลกต่อไป
นักบิดดาวโรจน์หลายคนจะมีโอกาสฉายแววในปีนี้ อาทิ ต่อศักดิ์ นวลสาย จากทีเอ็นพี มอเตอร์ สปอร์ต ที่ได้รับการสนับสนุนจากยามาฮ่า และ วริทย์ ทองนพคุณ จากอีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ที่ได้รับการสนับสนุนจากฮอนด้า เหล่านี้เป็นต้น
และจะปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีตที่ผ่านมาผู้ที่สามารถทำผลงานได้ดีในรายการชิงแชมป์ประเทศไทยนี้
ที่สุดแล้วก็จะไปเจิดจรัสอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต อย่างแน่นอน.
ยุบสภา
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่