ไทยรัฐออนไลน์
"กมธ. กีฬา” จ่อ ถอด บิลเลียด-สนุกเกอร์ออกจากบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ. การพนัน พร้อมตั้ง อนุกมธ. รับเรื่องร้องเรียนให้นักกีฬา รวมถึงผลักดันกีฬา เป็นสื่อ ป้องกัน-ลดปัญหาการจบชีวิตตนเองในประเทศไทย
วันที่ 21 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในประธาน กมธ.แถลงความคืบหน้าผลการดำเนินงานของทางกมธ.ในรอบ 4 เดือนว่า ทางกมธ. มีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับ การส่งเสริม สนับสนุน การแก้ไขปัญหาอุปสรรค และการพัฒนาการกีฬาของไทย รวมทั้ง กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีการประชุม 14 ครั้ง ซึ่งได้ประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สมาคมกีฬาต่างๆ บุคลากรในวงการกีฬา ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ร่วมให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับกมธ. เพื่อมุ่งส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการกีฬาให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป
นายปริญญากล่าวต่อว่า ทางกมธ. เห็นมีวาระเร่งด่วนที่ต้องเร่งพิจารณา คือ
1. การผลักดันการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา อาทิ การแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 เพื่อให้มีการถอดกีฬาบิลเลียดและสนุกเกอร์ออกจากบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติการพนันฯ เปิดช่องให้มีการส่งเสริมการเล่นกีฬาดังกล่าวให้กับเยาวชน รวมถึงการเร่งทบทวนพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 เพื่อสร้างกลไกในการบังคับใช้กฎหมายให้ทันสมัย เนื่องจากกีฬามวยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นที่แพร่หลาย สามารถสานต่อการพัฒนาได้ในหลากมิติ ทั้งด้านการกีฬา ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดึงดูดความสนใจให้กับชาวต่างชาติที่มีความสนใจในกีฬามวยเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย คณะกรรมาธิการจะต้องพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบ และรอบด้าน โดยเฉพาะประเด็น "มวยเด็ก" ที่ยังต้องร่วมทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายทั้งในมิติด้านกีฬาและมิติทางสังคม
2.การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนให้กับคนกีฬา ที่ผ่านมาทางกมธ. ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานตั้งคณะอนุกรรมาธิการ เพื่อรับปัญหาเรื่องร้องเรียนและช่องทางในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของนักกีฬาและบุคลากรในวงการกีฬา
“ในด้านงบประมาณยังคงเป็นหัวใจหลักของการพัฒนากีฬาในทุกระดับ จากการทำงานที่ผ่านมาเราได้เห็นแง่มุมของปัญหาในขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งจะต้องมีการปรับมาตรการ การเบิกจ่ายงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาต่าง ๆจากการที่คณะกรรมาธิการกีฬาได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี กมธ.ได้มีข้อสังเกตต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งการประสานความร่วมมือเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ด้านกีฬาร่วมกัน โดยเฉพาะการผลักดันการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา”
ในส่วนด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา นายปริญญา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้พิจารณาเพื่อหาแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬาไทย ร่วมหาแนวทางส่งเสริมผู้ประกอบการด้านการค้าเครื่องกีฬาของไทย เพื่อให้รัฐได้กำหนดนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมให้แก่ผู้ประกอบการไทยในทุกกลุ่ม พร้อมกับการรับฟังปัญหาและอุปสรรคจากสมาคมกีฬาต่างๆ ที่ได้กำหนดเป็นกีฬาอาชีพตามประกาศคณะกรรมการกีฬาอาชีพ เรื่อง กำหนดชนิดกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2566 เพื่อร่วมหาแนวทางการส่งเสริมการพัฒนากีฬา อันจะนำไปสู่การพัฒนากีฬาอาชีพอย่างเป็นระบบ รวมถึงการขยายฐานมวลชนในการสร้างความสนใจแก่ประชาชนในชนิดกีฬาของแต่ละสมาคม ซึ่งจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพบว่า หลายสมาคมกีฬายังขาดแคลนงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ สมาคมกีฬาอีสปอร์ต
นายปริญญา กล่าวต่อว่า กมธ.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเชิงสังคม จึงได้มีการพิจารณาเพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมการใช้กีฬาเป็นสื่อป้องกันและลดปัญหาการจบชีวิตตนเองในประเทศไทย ดังนั้นคณะกมธ. จึงเล็งเห็นว่าการสร้างความตระหนักรู้และให้ความสำคัญด้านสุขภาพทางใจจะเป็นภูมิคุ้มกันหนึ่งที่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมได้ ทางกมธ. ยังได้มีข้อห่วงกังวลผ่านไปยังหน่วยงานด้านสาธารณสุข ให้มีการเพิ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อรองรับการรักษาแก่ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น เพื่อดูแลศักยภาพนักกีฬา และการบำบัดนักกีฬาที่บาดเจ็บให้สามารถเล่นกีฬาต่อไปได้
ทั้งนี้ทางกมธ. ได้รับยื่นหนังสือ จาก จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อขอให้ขับเคลื่อนแก้ไขกฎหมาย-กฎกระทรวงการละเล่นกีฬาหรือการแข่งขันกีฬาวัวลานให้สอดคล้องเหมาะสมกับประเพณีในท้องถิ่น ซึ่งทางกมธ. จะรับไว้พิจารณาต่อไป