เบี้ยหงาย
เริ่มขับเคลื่อนกันจริงจังแล้ว นโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน (1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ) ของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกเมื่อวันก่อน
นั่นแสดงให้เห็นถึงความจริงจัง จริงใจ และให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะใช้นโยบายนี้เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกีฬาของชาติ โดยตรงไปที่สมาคมกีฬาต่างๆ ภายใต้โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส” ซึ่งสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยจะได้งบสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี สามารถ วางแผนพัฒนาระยะยาวได้ และงบประมาณในส่วนนี้ สมาคมกีฬาสามารถใช้จ่ายได้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ติดระเบียบราชการ
นายกรัฐมนตรีวางกรอบแนวทางการสนับสนุนโดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วย 1.ความเป็นสากลของกีฬา 2.ความนิยมและความสนใจของประชาชนต่อกีฬา 3.ผลงานของสมาคมกีฬาที่ผ่านมา 4.แผนงานในการพัฒนาของสมาคมกีฬา 5.ความโปร่งใส ในการบริหารจัดการของสมาคมกีฬา 6.การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสมาคมกีฬา
มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คณะ อนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์และกลั่นกรองการสนับสนุนสมาคมกีฬากับคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน
ตีกรอบไว้ว่าภายใน 2 เดือน จะทยอยจับคู่กันได้ งบประมาณที่จะหามาสนับสนุนสมาคมกีฬาวางไว้ราว 1,300-1,500 ล้านบาท ต่อ 4 ปี
แน่นอนโครงการนี้ดีแน่ และเกิดประโยชน์จริง ยิ่งหากใช้หลักเกณฑ์ที่วางไว้อย่างตรงไปตรงมา ภายใต้การตีความที่เป็นจริงในแต่ละหัวข้อ ก็ย่อมเกิด ประสิทธิภาพและพอจะสร้างความมั่นใจได้
แต่ทุกเรื่องขับเคลื่อนและโน้มน้าว ชี้นำด้วย “คน” และหาก “คน” ที่เกี่ยวข้องมีประวัติความเป็นมา มีภูมิหลัง มีลีลาที่เคยประพฤติปฏิบัติมาในอดีตน่าเคลือบแคลง ไม่ตรงไปตรงมา ก็ย่อมจะลดทอน ความเชื่อมั่นลงได้
ยิ่งหากบางคนมีวาระซ่อนเร้น คิดจะใช้ประโยชน์ จากสมาคมกีฬามาเป็นเสียงสนับสนุนส่วนตนทางใด ทางหนึ่งในปัจจุบันและอนาคต ได้มีบทบาทเอื้ออำนวยให้ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ สร้างกลุ่มก้อนขึ้นมา ก็ย่อมน่ากังวลมากไปอีก
ตัวอย่างก็มีให้เห็น คนเป็นธุระจัดหาให้ได้เงิน ย่อมมีพลัง ผู้ที่เข้ามามีบทบาทกับการผลักดันให้เกิดการใช้เงินงบประมาณ ทั้งๆที่ไม่ใช่เงินตัวเอง แต่ตัวเองมีบทบาทที่จะเอื้อให้ได้ แปลงร่างกลายสภาพ ทำตัวเป็นเจ้าของเงิน เป็นเพาเวอร์นำไปแสวงหาประโยชน์ ทั้งทางตรงและอ้อม ก็มีให้เห็น เชื่อว่าที่ปรึกษานายก รัฐมนตรีไม่ใช่คนเดียว แต่หลายคนเคยรับรู้ รับฟัง แต่ก็วางเฉย ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น!
แล้วหากเกิดกรณีในลักษณะคล้ายคลึงกันกับโครงการนี้อีก จากเรื่องดีๆที่ต้องเป็นพลังบวก กลับกลาย เป็นเรื่องเลวร้าย จะเสียหายเป็นเท่าทวีคูณ
ก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เป็นเพียงข้อสังเกตที่ต้องระมัดระวัง!!!
ด้วยไม่มีใครรู้เห็นและมีสิทธิ์พิจารณาเท่ากับกรรมการต่างๆที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่
ขอจงดูกันเองให้ดี อย่ายอมให้ใครจูงจมูกโดยไม่ไตร่ตรองให้ถ่องแท้ เขาจะงอกโดยไม่รู้ตัว
เรื่องที่เป็นประโยชน์ สมควรต้องเกิดประโยชน์ กับส่วนรวม ไม่ใช่เอานโยบายดีๆมาติดปีกให้ใคร คนใดคนหนึ่ง มันจะเสียถึงนายกฯเศรษฐา ทวีสิน...
“เบี้ยหงาย”
คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม