ฟ้าคำราม
นักวิ่งกับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต่างๆเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว เนื่องจากการวิ่งต้องอาศัยกล้ามเนื้อเป็นหลัก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วน Piriformis
เมื่อใช้งานส่วนนี้มากๆจะทำให้เกิดโรคที่เรียกกันว่า Piriformis Syndrome
Piriformis เป็นกล้ามเนื้อขนาดเล็กที่อยู่ลึกลงไปในกล้ามเนื้อส่วนบั้นท้าย มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนสะโพกและรักษาสมดุลของร่างกาย
เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนี้ทำงานหนักมากเกินไป จะทำให้เกิดการหดเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เส้นประสาทบีบอัดเข้าหากันจนเกิดอาการปวดได้ และนี่ก็คือที่มาของโรค Piriformis Syndrome นั่นเอง
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังเป็นโรคชนิดนี้อยู่?
อาการของโรคจะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน คือ จะรู้สึกปวดบริเวณบั้นท้ายเวลานั่ง บางครั้งอาจมีอาการปวดขาร่วมด้วย ประกอบกับอาการปวดที่แทรกขึ้นมาบริเวณกระดูกเชิงกราน
ถ้าหากมีอาการเหล่านี้อยู่ให้สันนิษฐานได้เลยว่าอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับโรคชนิดนี้อยู่ก็ได้
การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของกายภาพ บำบัด ได้แก่ การนวดด้วยนักกายภาพบำบัด การทำโยคะ การใช้น้ำแข็งประคบและใช้ยานวด
วิธีการเหล่านี้ต้องทำร่วมกับการนอนหลับพักผ่อน จึงจะทำให้อาการบรรเทาลงได้อย่างรวดเร็วแล้วจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร?
สำหรับการป้องกันนั้นง่ายมากๆ เพียงแค่ไม่วิ่งบนทางลาดเอียง ไม่นั่งตำแหน่งเดิมนานๆ และไม่วิ่งอย่างหักโหมมากเกินไป
ถ้านักวิ่งสามารถปฏิบัติได้ตามนี้แล้ว รับรองว่าโรค Piriformis Syndrome จะไม่มาเคาะประตู หน้าบ้านอย่างแน่นอน
เรียบเรียงจาก https://www.vrunvride. com/runner-piriformis-syndrome/
@@@@@@@@
นี่คือต้นทางปัญหาของนักวิ่งหลายคนเลยก็ว่าได้ โดยเพจ วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี ทำให้เราทราบถึงที่มาของอาการกล้ามเนื้อบริเวณก้นอักเสบ
หรือที่เรียกว่า Piriformis Syndrome
ต้องยอมรับว่า กล้ามเนื้อบริเวณนี้สำคัญมาก เป็นศูนย์กลางของการออกแรง ถ้าใช้งานหนักก็จะเกิดอาการอักเสบ ทำให้กระทบกับการออกกำลังกายโดยรวมได้
ใครที่ยังไม่มีอาการนี้ถือว่ายังโชคดี ต้องหมั่นสร้างกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว
แต่หากใครเป็นแล้วก็ต้องหมั่นดูแล โดยเฉพาะกับการกายภาพบำบัด พร้อมๆกับการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงควบคู่กันไป
เพื่อให้กลับมาวิ่งได้เหมือนเดิม...
ฟ้าคำราม
คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม