เบี้ยหงาย
จากเดิมที่มีเสียงเรียก เสียงร้อง แม้บางคนถึงกระทั่ง “ไล่” ก็ตาม ต่อการทำ หน้าที่ของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะนายกสมาคมกีฬา ฟุตบอลแห่งประเทศไทย อันเนื่องจาก ผลงาน ซึ่งไม่เป็นไปตามที่แฟนบอลคาดหวัง
ไม่ว่าจะเป็นผลงานของทีมชาติในชุดต่างๆ รวมถึงความเป็นที่นิยมของ “ไทยลีก” ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็น “มูลค่า” ที่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ ปัญหาต่างๆมากมาย
แต่ “บิ๊กอ๊อด” ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ตามแนวคิดของตน และเหลือเวลาแก้ปัญหาอีกไม่นาน ก็จะหมดวาระในเทอมสอง เดือน ก.พ.2567
พลันที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งสวมหมวกหลายใบ ทั้งการเมือง และผู้มีอำนาจเต็ม ในทางกีฬา นั่งหัวโต๊ะประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันก่อน ซึ่งมีประเด็นกดดันให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลาออกจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งมีการชี้แนะจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธาน กิตติมศักดิ์ตลอดชีพกลางที่ประชุม จากผลงานในกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ล้มเหลว และเกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ในสนามจนเสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไปทั่วโลก
พัฒนาการเรื่องนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว แม้ “บิ๊กอ๊อด” จะชี้แจงและยืนยันในความเคารพ พล.อ.ประวิตร เช่นเดิม เชื่อว่าบิ๊กป้อมเป็นคนที่มีน้ำใจนักกีฬา เพียงหวั่นใจอย่างเดียวก็คือพวกไดโนเสาร์ตกยุคที่อยู่รอบๆตัว ท่านจะคอยยุแยงมากกว่า
และต่อเนื่องทันทีเพียงข้ามวัน พล.ต.อ.สมยศ ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งตามคำสั่งของ พล.อ. ประวิตร ซึ่งตามข้อบังคับของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อนายกลาออก สภากรรมการทั้งหมดจะต้องพ้น จากตำแหน่งด้วย และจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 90 วัน
แน่นอนหลายคนอาจมีความสะใจ แต่ถ้าดูถึง กลไก ธรรมเนียมปฏิบัติ กระทั่งกฎระเบียบ ไปถึงเหตุ และผลในเรื่องของกีฬา โดยเฉพาะโลกของฟุตบอลนั้น การ “สั่ง” ให้ลาออกนั้นชอบธรรม ถูกทำนองคลองธรรม หรือไม่
หนึ่งในผู้ยืนหยัดและเห็นต่างในเรื่องนี้ก็ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ซึ่งชี้ว่า กำลังทำผิดข้อบังคับของฟีฟ่า และตามหลักการพัฒนาฟุตบอลทุกๆประเทศทั่วโลก
ลองหันมาดูปัญหาที่รุมเร้าของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯในขณะนี้ นอกเหนือจากผลงานทีมชาติ เรื่องจุกอกที่กระทบจาก “เงิน” ที่เกี่ยวพันทั้งการหารายได้ สิทธิประโยชน์ และโดยเฉพาะลิขสิทธิ์การ ถ่ายทอดสด ฟุตบอลไทยลีก อันจะกระทบถึงลีกฟุตบอลของชาติในทุกระบบ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาฟุตบอล
ซึ่งอยู่ในช่วงอ่อนไหว และสุ่มเสี่ยงต่อการล่มสลายของฟุตบอลไทยทั้งระบบ!!!
และเป็นภาระหน้าที่ ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งต้องแก้ไข และรับผิดชอบ ในฐานะ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯโดยตรง
มีประเด็นมากมาย ทั้งการแยกลีกในกลุ่ม 16 ทีม ไทยลีก 1 มีความกังวลถึงเม็ดเงินที่จะหล่อเลี้ยงทีมในระดับ ไทยลีก 2 และไทยลีก 3
ทุกเรื่องเป็นปัญหาหนัก ที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้
ใครเป็น พล.ต.อ.สมยศ ยามนี้อยากอยู่ หรือ อยากไป หรืออยากไปแต่ไปไม่ได้ จำต้องอยู่ เป็นภาวะ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรือไม่
และหากย้อนดูตั้งแต่อดีตเมื่อเข้ามายึดครองสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อเข้ามาแล้ว ไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ได้สร้างชื่ออย่างที่หวัง แถมเป็นไปอย่างตรงกันข้าม ส่งผลลบหรือบวก กระทบถึงเส้นทางอื่นที่วางไว้ด้วย ทำให้ช่องทางที่จะเดินไปเหลือน้อย
นี่อาจเป็นโอกาส มีช่อง มีทาง มีเหตุ มีผล แม้จะยังสุ่มเสี่ยงต่อการผิดแนวทางของฟีฟ่า ที่ปกป้อง สมาคมฟุตบอลของชาติต่างๆทั่วโลก ที่เป็นสมาชิก ให้ปลอดจากการแทรกแซงทั้งการเมืองและอำนาจภายนอก อันมีบทลงโทษอย่างหนัก ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เป็นผู้ทำให้เกิด ไม่ต้องรับผิดชอบด้วยการเป็นผู้ถูกกระทำ
ช่วงเวลานี้อาจเป็นเวลาที่ “บิ๊กอ๊อด” สบายใจ อย่างที่ไม่เคยมีมาในรอบ 7 ปีกว่า...ก็เป็นได้.
“เบี้ยหงาย”