ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ผู้ที่วิ่งแล้วมีอาการเจ็บหัวเข่า ควรอ่านบทความนี้ เพจ “วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี” ให้ ความรู้เอาไว้ เชื่อว่าเป็นประโยชน์
โรคข้อเข่านักวิ่ง หรือ Runner’s Knee เป็นโรคที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆในวงการนักวิ่ง โดยจะมี อาการปวดบริเวณลูกสะบ้า ในทาง ทั่วไปจะเรียกว่า
กลุ่มอาการบาดเจ็บลูกสะบ้าใต้เข่า หรือ Patellofemoral Pain Syndrome (PFPS) แต่ที่เขานิยมเรียกกันว่า Runner’s Knee ก็เพราะว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อย กับนักวิ่งนั่นเอง
วิธีวินิจฉัยว่าเรามีอาการของโรคข้อเข่านักวิ่งหรือไม่
วิธีที่ใช้กันคือให้สังเกตอาการเจ็บเข่าในตอนที่มีการหดตัวของกล้ามเนื้อ ถ้าเพื่อนๆมีอาการปวดเข่าด้านหน้าขณะนั่งยองๆก็มีโอกาสถึง 80%
ที่ตอนนี้เราจะมีอาการ PFPS ควรรีบไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจดูอาการ
สาเหตุที่ทำให้นักวิ่งมีอาการ Runner’s Knee
สาเหตุของอาการ Runner’s Knee ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่มักจะมาจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน เช่นความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและข้อต่อ, อาการ Overuse การใช้งานขามากเกินไปคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานและปริมาณการพักฟื้นร่างกายด้วยว่ามันหักล้างกันไปหรือไม่
ลองถามตัวเองดูว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการเพิ่มระยะทางหรือปริมาณการวิ่งหรือไม่? ถ้าเพื่อนๆ เป็นนักวิ่งมือใหม่ควรค่อยๆเพิ่มระยะทางในการวิ่ง ต้องให้เวลาร่างกายในการปรับตัวเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เข้ากับการฝึกด้วย
ลักษณะอาการของโรคข้อเข่านักวิ่ง
1.มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณใต้กระดูกสะบ้าทั้งด้านหน้าหรือด้านหลัง
2.รู้สึกไม่ปกติเวลางอเข่า
3.รู้สึกเจ็บหรือปวดมากตอนที่ต้องเดินขึ้นบันไดหรือเดินขึ้นเนิน
4.มีอาการบวมบริเวณข้อเข่า
5.มีอาการกดเจ็บเวลาที่เอามือคลำเข่า
6.มีเสียงกร๊อบแกร๊บเวลาขยับข้อเข่า
เราสามารถวิ่งทั้งที่มีอาการเจ็บข้อเข่าได้หรือไม่?
อันดับแรกเพื่อนๆควรไปหาหมอเพื่อตรวจอาการให้เรียบร้อย ก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรฝึกวิ่งต่อไปหรือไม่ เพราะถ้าเราฝึกวิ่งต่อไปก็จะทำให้อาการหนักขึ้นได้ และคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือการหยุดพักฟื้นร่างกาย
สมมติว่าถ้าให้คะแนนระดับความรู้สึกเจ็บเป็น 10 คะแนนเต็ม ถ้าเรารู้สึกว่าความเจ็บอยู่ในระดับ 3 คะแนนจากเต็ม 10 ก็ควรหยุดวิ่งได้แล้ว.
ยุบสภา