จุดอ่อน ซีเกมส์! จำกัดสิทธิ์-ไร้มาตรฐาน

มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กำลัง จะมีขึ้นวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ทั้งหมด 38 ชนิดกีฬา ชิง 584 เหรียญทอง

ในส่วนของไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วม 36 ชนิดกีฬา อยู่ในข่ายได้ลุ้น 528 เหรียญทอง โดยกีฬาที่ไม่ส่ง มีทั้งวิ่งฝ่าอุปสรรคและอีเวนต์ย่อยในกลุ่มกีฬามาเชียลอาร์ต ทั้งกุนขแมร์ อาร์นิส และขุน โบคาตอร์

แน่นอนว่าในภาพรวมของ “คัมโบเดียเกมส์” มีทั้งกีฬาที่เป็นสากล ตรงนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ในอีกส่วนก็พบว่า มีอีกหลายชนิดกีฬาและอีเวนต์ ที่ไม่มีความเป็นสากลเอาเสียเลย อีกทั้งยังพบว่ามีการจำกัดสิทธิ์การส่งแข่งขันเข้ามาร่วมด้วย

ตัวอย่างที่พบ เช่น คริกเกต กัมพูชาจัด 4 ประเภท ชิง 8 เหรียญทอง แต่ประเทศต่างๆส่งได้ 3 ประเภท, เทควันโด ประเภทต่อสู้ 16 รุ่น เจ้าภาพให้สมาชิกส่งได้แค่ 10 รุ่น และท่ารำ จาก 8 รุ่น ส่งได้ 5 รุ่นเท่านั้น

ตะกร้อ ทีมหญิง เจ้าภาพให้แต่ละชาติส่งได้ 2 ประเภท ส่วนทีมชายจัด 6 อีเวนต์ แต่ละชาติส่งได้ 3 อีเวนต์, มวยสากลสมัครเล่นชิงทั้งหมด 17 เหรียญทอง ชายจัด 12 รุ่น ไทยส่งได้ 8 รุ่น หญิง ชิง 5 เหรียญทอง เราส่งได้ 3 รุ่น

ยูยิตสู กัมพูชาบรรจุบางอีเวนต์ไม่เป็นสากล มีชิง 13 เหรียญทอง แบ่งเป็นดูโอ้โชว์ 6 อีเวนต์ ยูยิตสูล็อก 3 อีเวนต์ และโนกิ 4 อีเวนต์ ซึ่งโนกิเป็นประเภทที่สหพันธ์กีฬายูยิตสูนานาชาติไม่ได้รับรอง

เจ็ตสกี ชิง 6 เหรียญทอง มีการปรับกติกา ทำให้เกิดความไม่แน่นอน เดิมส่งได้รุ่นละ 2 คน แต่เจ้าภาพมาปรับใหม่ให้ส่งได้ 10 คน ใน 6 รุ่น จึงต้องมาเกลี่ยนักกีฬาในแต่ละรุ่นให้ตามโอกาสและความหวัง เป็นต้น

จึงเกิดคำถามตามมาทันทีว่า เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่จัดกีฬาที่เป็นสากลทั้งหมด ทำไมสิทธิ์การส่งแข่งขันจึงไม่เท่ากัน

จำกัดสิทธิ์ชาติอื่น แต่เจ้าภาพส่งได้ทั้งหมด ทำไมทำได้!!!

ในเรื่องนี้ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานและเหรัญญิกคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะหัวหน้านักกีฬาไทย ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ

หัวหน้าทัพไทยบอกว่า ต้องยอมรับว่าบางกีฬาไม่ได้อยู่ในข้อกำหนด เป็นเจ้าภาพที่ใช้ความได้เปรียบ ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เหรียญมา

“จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าภาพ เป็นเรื่องของเจ้าภาพที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้” นายธนากล่าว

สำหรับการจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ชาติสมาชิกส่งแข่งขันได้ทั้งหมดเท่าเจ้าภาพ หรือแม้กระทั่งชนิดกีฬา อีเวนต์กีฬา ที่ไม่ได้มาตรฐานสากล จริงๆแล้วไม่ใช่เพียงแค่กัมพูชา ที่มีก่อนหน้านี้เจ้าภาพหลายชาติ ก็ทำในลักษณะนี้กันมาตลอด

เพื่อเป็นช่องทางที่จะส่งให้ชาติตัวเองประสบความสำเร็จ เป็นฐานนำไปสู่การเป็นเจ้าเหรียญทอง

เป็นเกียรติยศที่ต้องการหยิบจับ โดยที่ไม่สนใจมาตรฐานที่ควรจะเป็น

แต่ทั้งหมดทั้งมวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยังถือว่าดีหน่อย ที่แนวทางการจัดการแข่งขันในครั้งต่อๆไปจากนี้จะมีการแก้ไขอย่างจริงจัง

เมื่อ นายกองเอก ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะมนตรีซีเกมส์ไทย ยืนยันว่า สหพันธ์ซีเกมส์พร้อมที่จะช่วยกันยกระดับยกมาตรฐานซีเกมส์ไปด้วยกัน

มีการระบุว่า ที่ประชุมใหญ่ของสหพันธ์ซีเกมส์ ได้มีมติเห็นชอบให้เริ่มใช้ธรรมนูญซีเกมส์ฉบับใหม่ ซึ่งมีการปรับเพื่อสร้างความเป็นมาตรฐานและความเป็นสากลมากขึ้นแล้ว

เรื่องจำกัดสิทธิ์ส่งแข่งขันไม่ควรมี!!!

รวมถึงการจัดหมวดหมู่กีฬาในซีเกมส์ ที่ต่อจากนี้เจ้าภาพจะไม่สามารถเลือกจัดกีฬาได้ตามอำเภอใจเหมือนที่ผ่านๆมา

เพราะธรรมนูญใหม่จะบังคับให้เจ้าภาพในครั้งนั้นๆต้องบรรจุชนิดกีฬาที่มีในโอลิมปิกเกมส์ และเอเชียนเกมส์เป็นหลัก

ซึ่งจุดประสงค์ของการแก้ธรรมนูญซีเกมส์/ รอบนี้ ก็เพื่อยกระดับและพัฒนาวงการกีฬาอาเซียนและทุกๆชาติ เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างความสำเร็จในเวทีที่ใหญ่กว่านี้

ในธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีการระบุถึงการบรรจุชนิดกีฬาแข่งขันในแต่ละครั้งออกเป็น 3 หมวดหมู่ หมวดแรก คือ กีฬาบังคับ กรีฑา และว่ายน้ำ

ส่วนหมวดที่ 2 คือกลุ่มกีฬาที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์, เอเชียนเกมส์ หรือเอเชียนอินดอร์เกมส์ อาทิ ฟุตบอล, วอลเลย์บอล โดยบังคับเจ้าภาพต้องจัดกีฬาในหมวดนี้ไม่ต่ำกว่า 15 ชนิด

และหมวดที่ 3 กีฬาเลือกจัด ซึ่งกลุ่มนี้คือกีฬาพื้นบ้านที่เจ้าภาพถนัด แต่เดิมเจ้าภาพจะเลือกจัดหลายชนิดกีฬา แต่ในธรรมนูญตัวนี้กำหนดให้เลือกได้ไม่เกิน 2 กีฬา

ที่สำคัญที่สุด ธรรมนูญใหม่ที่กำหนดชนิดกีฬาในซีเกมส์จะมาเริ่มต้นที่ไทย ที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป ครั้งที่ 33 ในปี 2025 พอดี

เรียกว่าจังหวะเหมาะเจาะมีชื่อของไทย เข้ามาร่วมในการออกสตาร์ตอะไรใหม่ๆ

ตรงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจ ธรรมนูญดังกล่าวจะช่วยลบจุดอ่อน สร้างจุดแข็งให้ซีเกมส์
ได้เป็นอย่างดีทีเดียว...

กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง