หน้าแรกแกลเลอรี่

ต้องให้จบ

ฟ้าคำราม

19 มี.ค. 2566 04:40 น.

เมื่อเอ่ยชื่อ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ถือเป็นฮีโร่ของลูก “เขียวขาวเหลือง” ชาวพลศึกษา หลังใช้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. สั่งยุติบทบาทคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติให้อยู่ใต้คำสั่งของ คสช.

ข่าวนี้ถือว่าสะเทือนวงการพลศึกษาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ “ลูกพลบดี” พันธุ์แท้ที่ต่างยกมือท่วมหัวกราบขอบคุณท่านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ช่วยสะสางปัญหาที่คาราคาซังมาอย่างยาวนานแบบไร้ทางแก้

เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดแต่เป็นเรื่องที่หมักหมมมานานจนชาวพลศึกษาเอือมระอาไปตามๆกัน

ไม่ว่าจะฝากความหวังไว้กับใครสุดท้ายเรื่องก็เงียบหายเป็นเป่าสาก เพราะดันอาจไปเจอตอท่อนใหญ่จนทำให้เรื่องดังกล่าวต้องตีตกไป

แต่วันนี้ “พิพัฒน์” ที่เปรียบเสมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยล้างช่วยเช็ดและเคลียร์ปัญหาดังกล่าวจนทำให้วงการพลศึกษาเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาแล้ว

เชื่อเถอะครับวันนี้หากท่านได้มีโอกาสเจอกับชาวพลศึกษาพันธุ์แท้รับรองมีแต่คำแซ่ซ้องที่ท่านได้ขจัดเหลือบแห่งวงการพลศึกษาออกไปแบบถอนรากถอนโคน

บอกเลยก่อนหน้านี้ที่ท่านรัฐมนตรีกีฬาจะเข้ามาสะสางคนพละต่างก็ทำใจปล่อยให้เรื่องอนาคตเป็นตามเวรตามกรรมไปแล้ว เพราะหนทางที่จะเติบโตอย่างเป็นขั้นเป็นตอนคงยาก ยังไงก็สู้ “พวกลิ้นยาว” ไม่ได้

ดังหลายคนบอก “เด็กใครเด็กมัน” ใครซูฮก อนาคตก็เติบโต ใครตรงข้ามก็จมดินไปตามๆกัน

วันนี้ทุกอย่างกำลังก้าวเดินไปตามทำนองคลองธรรมแบบที่ควรจะเป็น ระบบต่างๆหรือการเติบโตจะเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แบบที่ควรจะเป็นตามความสามารถของแต่ละคน

ทุกคนเริ่มมีกำลังใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่ออนาคต ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาที่ทำงานหนักแค่ไหนก็สู้พวกประจบไม่ได้

เหนือสิ่งอื่นใดฝากท่านรัฐมนตรีอีกสักนิดว่าเมื่อท่านเริ่มอย่างจริงจัง เพื่อชาวพลศึกษาแล้วก็ต้องไปให้สุด ต้องเร่งทำให้จบแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์คือการ “สรรหาตัวอธิการบดี” ตัวจริงให้จบในสมัยนี้

ไม่ใช่ปล่อยให้ค้างคาอยู่แบบนี้ เพื่อให้ทุกอย่างจะได้ก้าวเดินอย่างตรงไปตรงมาเสียที

อย่าปล่อยที่ชาวพลศึกษาอารมณ์ค้างอยู่แบบนี้เลย.

ฟ้าคำราม