ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ผมนำบทความเกี่ยวกับเรื่องวิ่งจากเพจ “วิ่งไหนกัน ปั่นไหนดี” มาลงให้ได้อ่านกันหลายครั้งแล้ว
คราวนี้ขอเอาใจ “สายปั่น” หรือผู้ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานดูบ้าง
อาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากกีฬาชนิดนี้มีอะไรกันบ้าง ลองอ่านสาเหตุและหาวิธีป้องกันดูครับ
รวมอาการบาดเจ็บที่นักปั่นมักจะเป็นบ่อยๆ
1.อาการปวดบริเวณหลังช่วงล่าง หรือ lowerback
เป็นอาการที่มักเกิดกับกลุ่ม “เสือหมอบ” ซึ่งเวลาปั่นจะมีท่าทางเฉพาะที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณแกนกลางหลังและกระดูกสันหลังรับภาระหนัก และจะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นถ้าต้องปั่นจักรยานไต่ขึ้นเขาที่มีความชันสูง อีกหนึ่งสาเหตุก็มาจากการยืดเหยียดกล้ามเนื้อไม่เพียงพอก่อนการแข่ง
2.อาการ ITB หรือ iliotibial band syndrome
เป็นอาการอักเสบข้อเข่าด้านนอก ที่เกิดจากการต้องย่อขาและเหยียดขาอย่างต่อเนื่องเพื่อปั่น จักรยาน เป็นอาการที่พบบ่อยเมื่อต้องปั่นจักรยานเป็นทางชันต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ต้องออกแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว อาการนี้ถ้าปล่อยไว้นานๆจะเสี่ยงต่ออาการผิดรูป เช่น ขาโก่ง เท้าบิดออกด้านนอก
3.อาการปวดไหล่
ช่วงที่เชื่อมต่อกับกระดูกไหปลาร้า หรือเรียกว่า AC joint สาเหตุอาจมาจากการตกหลุมหรือมีการกระแทกจักรยานกับโขดหินหรือสิ่งกีดขวางแล้วทำให้กล้ามเนื้อส่วนแขนและข้อมือที่เกร็งจับแฮนด์จักรยานอยู่นั้น เกิดการเกร็งและอักเสบ ซึ่งจะลามมาสู่เอ็นที่หัวไหล่ได้ ถ้าเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงอาจอันตรายถึงขั้นเอ็นฉีกขาดได้เลยนะครับ
4.การบาดเจ็บที่เกิดจากการเสียดสีผิวหนัง
เกิดบริเวณผิวหนังส่วนง่ามขาและก้นกับที่นั่งปั่นจักรยาน หรือที่เรียกว่า saddle sore มักจะพบบ่อยกับนักปั่นมือใหม่และการปั่นทางไกล อันนี้แก้ไขได้ด้วยการใส่กางเกงสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ เพราะเขาออกแบบมาให้รองรับส่วนก้นและง่ามขาด้วย และควรเลือกเบาะจักรยานที่เข้ากับสรีระของตัวเองด้วยนะครับ
5.อาการเท้าชา
เกิดจากสวมรองเท้าไม่พอดี สำหรับกีฬาปั่นจักรยานนั้นมีเทคนิคเรื่องรองเท้าคือ ต้องไม่มีคำว่า “เผื่อ” ต้องเลือกที่พอดีกับรูปเท้า นอกจากนี้ต้องดูการตั้งอานจักรยาน, ขนาดรถจักรยานที่ใช้ และการตั้งคลีทจักรยานด้วยครับ ถ้าตั้งไม่ได้ระดับ เทเยื้องไปด้านหน้าเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการเท้าชาเพราะการถ่ายเทน้ำหนักไม่สมดุลได้.
ยุบสภา