หน้าแรกแกลเลอรี่

คิกบ็อกซิ่ง

เบี้ยหงาย

28 ก.พ. 2566 05:08 น.

วันเสาร์ที่ผ่านมามีการจัดโครงการแข่งขันกีฬาคิกบ็อกซิ่ง KAT Road Show Episode #1 ที่บริเวณลานหน้าศาลากลาง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งดูยิ่งใหญ่ และคึกคักดี มีฮีโร่อย่าง พ.ท.สมจิตร จงจอหอ วีรบุรุษเหรียญทองโอลิมปิกมาร่วมพูดคุยให้ความรู้ด้วย ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญของสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ

ก่อนหน้านี้ปลายปี 2565 สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ ก็มีความเคลื่อนไหวมาเป็นลำดับ ทั้งชิงแชมป์ประเทศไทย และชิงแชมป์เอเชียในเดือน ธ.ค.มาแล้ว

เรียกว่ามีกิจกรรมต่อเนื่องทีเดียว

“คิกบ็อกซิ่ง” ดูจะได้รับความสนใจขึ้นมากในระยะหลัง และเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณด้วย ซึ่งทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย และรวมถึงคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ก็ตั้งเป็นประเด็นในการสืบค้นข้อเท็จจริงด้วย

อย่างวันก่อนในการประชุมคณะกรรมาธิการกีฬาฯครั้งล่าสุด ส.ส.จังหวัดเลย เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นโฆษก ได้ซักถาม ผจก.กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สุปราณี คุปตาสา ถึงการจัดงบให้สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯเป็นจำนวนมาก ซึ่งท่าน ผจก.กองทุนก็บอกว่า ไม่มากเมื่อเทียบกับ สมาคมกีฬาเจ็ตสกียังได้มากกว่านี้ และคิกบ็อกซิ่ง ถูกบรรจุแข่งในกีฬาซีเกมส์ด้วย

ส่วนงบของสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯจะได้มากน้อยเท่าไหร่นั้น มีอะไรเป็นประเด็นจริงๆหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่ กกท. และคณะกรรมาธิการกีฬาฯว่าไป แต่เท่าที่เห็นและมีเอกสารปรากฏบางส่วนนั้น

จากเอกสารขยายระยะเวลาดำเนินการงบ ประมาณกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 (ครั้งที่ 2) ในแผนงานที่ 7 การส่งเสริมหรือสนับสนุนอื่นๆที่เป็นนโยบายรัฐและคณะกรรมการบริหารกองทุน หัวข้อที่ 4 ส่วนของกิจกรรมหลักที่ 6 โครงการพัฒนากีฬามวยไทยให้มีความนิยมและมีมาตรฐานเดียวโดยร่วมกับสหพันธ์กีฬามวยไทยที่ IOC (เขียนไว้เพียงแค่นี้) ส่วนที่ระบุเกี่ยวกับสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ ข้อ 1 จัดชิงแชมป์เอเชียและชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย งบประมาณที่ได้รับอนุมัติ 36,000,000 บาท ข้อ 2 อบรมผู้ตัดสิน, ข้อ 3 อบรมผู้ฝึกสอน และข้อ 4 KAT Super Series งบประมาณที่ได้รับอนุมัติ 23,000,000 บาท

นี่เป็นงบเฉพาะ 2 ส่วน ซึ่งคงจะเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมข้างต้น

คงต้องยอมรับกันว่า “คิกบ็อกซิ่ง” ยุคนี้มีสีสัน มีกิจกรรม และมีศักยภาพมากกว่ายุคก่อนๆ แน่นอนการจะมีผลงานออกมานั้นย่อมต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ นโยบาย และศักยภาพของคณะกรรมการบริหารสมาคม

เมื่อดูคณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน ซึ่งมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการสมาคมกีฬา ตามใบสำคัญ แบบ ส.ฬ.8 ทะเบียนเลขที่ 039/2564 กับนายทะเบียนสมาคมกีฬาประจำกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็คือ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ลงวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2564

ระบุไว้ว่า มีกรรมการ 18 คน ตำแหน่งสำคัญ นั้น อาทิ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นนายกสมาคม, นายชนาสิน สิมะดำรงค์ เป็นเลขาธิการ, นางสาวทิรา บุญาณี กิตติกรณ์ อุปนายกและเหรัญญิก, นายยศเทพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยเลขาธิการและปฏิคม รวมถึงซุปเปอร์สตาร์ “บัวขาว” สมบัติ บัญชาเมฆ เป็นกรรมการอยู่ด้วย

ต้องนับว่ากรรมการบริหารนั้นล้วนมีศักยภาพ พล.อ.วิชญ์คงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก เอาเฉพาะในเรื่องกีฬา ปัจจุบันท่านเป็นเลขาธิการโอลิมปิกไทยอยู่ด้วย เคียงข้างมากับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ตลอด ท่านยังเป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติคนปัจจุบันด้วย เคยเป็นประธานประเมินผลงาน, ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองทั้งกองทุนฯ และ กกท.ด้วย

ส่วนเลขาธิการ ชนาสิน สิมะดำรงค์ ทราบกันดีอยู่แล้วท่านเป็น รอง ผจก.กองทุนฯ ยังเคยเป็น เลขาธิการสมาคมสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก ซึ่งจดทะเบียนที่ จ.ยะลา ชุดเมื่อเดือน พ.ย.2563 และชุดนั้นมี ยศเทพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย ส่วนเหรัญญิก ทิรา บุญาณี กิตติกรณ์ บุตรสาวของ ผจก.กองทุนฯ สุปราณี
คุปตาสา ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ดังสนั่นเมื่อครั้งกีฬาซีเกมส์ที่เวียดนามปีก่อน ร่วมทัพคิกบ็อกซิ่งไปล่าเหรียญทองที่นั่นด้วย จนเป็นขวัญใจสื่อมวลชนทั้งไทยเทศมาแล้ว

กีฬาคิกบ็อกซิ่ง แม้ว่ามีแข่งเฉพาะในซีเกมส์ ส่วนเอเชียนเกมส์ หรือโอลิมปิกเกมส์ยังรอความฝันเช่นเดียวกับมวยไทย แต่ต้องถือว่าดูจะมีอนาคตที่สดใสในบ้านเรา ก็ด้วยศักยภาพนักกีฬา และบารมีของผู้บริหารสมาคม เช่นนี้นี่เอง...

“เบี้ยหงาย”