ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ภายหลังที่พิษโควิด-19 เล่นงานเสีย งอมพระราม ทำให้มหกรรมกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 ต้อง ว่างเว้นไปถึงสองปี และในระหว่างวันที่ 21-30 ม.ค.2566 กีฬาปัญญาชนก็จะกลับมาเพื่อให้เหล่านักกีฬาในรั้วสถาบันอุดมศึกษาได้แสดงศักยภาพกัน อีกครั้ง
มหกรรมกีฬาปัญญาชน ครั้งที่ 48 จะจัดในนาม “ดอกจานบ้านเชียงเกมส์” โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานีได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพและมีชนิดกีฬาให้ประลองกันถึง 35 ชนิด
สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าภาพภายใต้การสนับสนุนของคณะกรรมการกีฬาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (กกมท.) ยังไม่มีการสื่อสาร หรือกระจายข่าวผ่านช่องทางต่างๆให้สังคมกีฬาได้รับทราบดังที่ผ่านมา
เชื่อว่าจากการอาสาเป็นเจ้าภาพ “ดอกจาน บ้านเชียงเกมส์” ครั้งนี้คงจะเป็นหนึ่งในมหกรรมกีฬาระดับชาติที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวงการกีฬาและจังหวัดอุดรธานีได้ในระดับหนึ่ง แต่เหนืออื่นใดเพื่อให้ มหกรรมกีฬารายการนี้มีมนต์ขลังดังในอดีตโจทย์หรือการบ้านของคณะกรรมการจัดการแข่งขันคงจะต้องพิจารณาและหาทางยกระดับให้เกมก้าวไปสู่มาตรฐานสากล
ที่น่าสนใจนอกจากการขับเคลื่อนให้ได้มาตรฐานสากลแล้วหนึ่งในมิติของการดึงดูดความสนใจให้เกมเป็นที่ตื่นตาตื่นใจนอกจากพิธีการที่เจ้าภาพบรรจงสร้างในพิธีเปิดแล้วนักกีฬาที่จะเข้าร่วม เป็นผู้มีชื่อเสียงหรือฝีมือระดับชาติก็จะเป็นอีกทางเลือกที่แฟนกีฬาจะเดินเข้าสู่สนามไปยลเกม
ซึ่งแรงจูงใจเพื่อให้กองเชียร์หรือแฟนคลับเข้าไปชมและเชียร์เจ้าภาพจำเป็นต้องสร้างจุดขายภายใต้กลยุทธ์โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างกีฬากับรูปแบบของเอนเตอร์เทนที่ตอบโจทย์ในยุคดิจิทัล
เหนืออื่นใดเพื่อให้เกมรายการนี้เป็นหนึ่งในมหกรรมกีฬาระดับประเทศและเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หวังว่าเจ้าภาพ และ กกมท. คงจะร่วมกัน รังสรรค์ให้การแข่งขันก้าวไปสู่มาตรฐาน
ขออย่างเดียวอย่าให้นักกีฬาแข่งกันเองเชียร์และชมกันเองดังกับหลายมหกรรมที่ผ่านมา มิเช่นนั้น งานนี้กร่อยแน่
รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร
@@@@@@@
เห็นด้วยกับ “รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร” ในเรื่องของการโปรโมตการแข่งขันที่ยังน้อยไปนิด จนทำให้ การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 “ดอกจานบ้านเชียงเกมส์” ครั้งนี้ดูจะเงียบเหงาไปหน่อย
แต่สิ่งที่ไม่ค่อยเห็นด้วยมาตลอดกับมหาวิทยาลัย หลายแห่งที่พยายามดึงนักกีฬาทีมชาติลงแข่งขัน ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับคิดว่าน่าจะเลิกความคิดนี้ ได้แล้ว
จริงอยู่นักกีฬาหลายคนต่างก็เข้ามาในโควตาของนักกีฬา ซึ่งก็ไม่แปลกที่ต้องให้นักกีฬาเหล่านี้ได้ทำประโยชน์ หรือสร้างผลงานให้กับต้นสังกัด
เพียงแต่ว่านักกีฬาทีมชาติที่ประสบความสำเร็จ ในระดับโลกคว้าเหรียญในซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โดยเฉพาะโอลิมปิกเกมส์ น่าจะมีข้อจำกัดไม่ควรให้ ลงแข่งขันเพราะถือเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งขันเกินไป
หากเราจะใช้นักกีฬาทีมชาติที่ประสบการณ์และได้เหรียญในเกมนานาชาติมาแล้ว โอกาสที่จะได้ เห็นช้างเผือกย่อมน้อยไปด้วย คิดง่ายๆ อกเขาอกเรา ไม่ว่าใครหากต้องเจอกับทีมชาติล้วนจิตใจห่อเหี่ยวฝ่อด้วยกันทั้งนั้น
อีกกรณีนักกีฬาทีมชาติพลาดท่าไม่ประสบความสำเร็จพ่ายแพ้ หรือชวดเหรียญทอง ถึงตอนนั้น จะเอาหน้าไปไว้ไหนหรือถ้าเกิดบาดเจ็บขึ้นมาผลกระทบต่อทีมชาติจะเป็นเช่นใด
อย่าลืมว่าทั้งซีเกมส์และเอเชียนเกมส์เหลือเวลาไม่อีกกี่เดือนก็จะถึงเวลาชิงชัยกันแล้ว คิดดูและกัน ว่าคุ้มกันหรือเปล่า ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยกับประเทศชาติอย่างไหนสำคัญกว่ากัน
พอเถอะครับความคิดเดิมๆ ข้าต้องเจ้าเหรียญ ทองโดยไม่สนผลประโยชน์อนาคตของนักกีฬา
หากยังย่ำอยู่กับที่แบบนี้โอกาสที่เราจะประสบ ความสำเร็จในระดับนานาชาติก็น้อยลงเช่นกัน.
โจโจ้ซัง