รูดม่านพัทลุงเกมส์

นับแต่คณะนักกีฬาเยาวชนจากทั่วทุกสารทิศของประเทศเดินทางเข้าสู่เมืองหนังโนราเพื่อแสดงศักยภาพ ทางการกีฬามาตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วันนี้ถึงเวลาที่มหกรรมจะได้รูดม่านปิดฉากเพื่อกลับไปพบกันใหม่ครั้งหน้า ที่เมืองปากน้ำโพ

การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 37 หรือ “พัทลุงเกมส์” นั้น ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะเป็น ครั้งแรกของคนเมืองเขาอกทะลุ ที่ได้รับเกียรติให้เป็น เจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาระดับชาติรายการแรกก็ตาม แต่ในภาพรวมก็ถือว่าสอบผ่าน

และจากความสำเร็จจากพลังร่วมของทุกภาคส่วน ที่ร่วมรังสรรค์ภายใต้การสนับสนุนของการกีฬาแห่งประเทศไทย ในอนาคตพัทลุงคงจะได้มีโอกาสในการ เป็นเจ้าภาพอีกหลายๆรายการ

พัทลุงเกมส์ถึงแม้จะมีการรายงานข่าวความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ทั่วทุกสื่อมากนัก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าในห้วงเวลาเดียวกันกลับมีมหกรรม ระดับชาติและนานาชาติเข้ามาทับซ้อนอยู่ด้วย ไม่ว่า จะเป็นกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ที่อุบลราชธานี รวมทั้งอาเซียนพาราเกมส์ ที่อินโดนีเซีย

ถึงแม้ว่ากระแสสื่อที่รายงานผลจะไม่คึกคักมากนักก็ตาม แต่โลกในยุคดิจิทัลคอกีฬาก็สามารถเข้าถึงช่องทางที่หลากหลายทั้งโซเชียลมีเดีย รวมทั้งสื่อหลักหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง และ T Sports ก็ยังเป็นสื่อ หรือช่องทางที่เข้าถึงได้

เมื่อกล่าวถึงมหกรรมกีฬาระดับชาติในบ้านเรา หนึ่งในมิติที่ทุกภาคส่วนเป็นห่วงคือ การแพร่ระบาด ของไวรัสโควิด–19 ที่มักจะเข้าไปเกี่ยวพันจนทำให้ เกมการแข่งขันได้รับผลกระทบ แต่พัทลุงเกมส์ครั้งนี้ ฝ่ายสาธารณสุขจังหวัด รวมทั้งคณะนักกีฬาทุกจังหวัด ต่างตระหนักในการป้องกันจึงทำให้เจ้าไวรัสร้ายไม่สามารถที่จะย่างกรายเข้าไปในสนามต่างๆได้

พร้อมกันนั้น เมื่อเกมปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ กกท. ซึ่งเป็นแม่งานหลักคงจะได้ฉายภาพให้เห็นว่าผลอันสืบเนื่องจากพัทลุงเกมส์มี ดาวรุ่งเกิดใหม่ เข้ามาประดับวงการมากน้อย แค่ไหน และอีกประเด็นที่เกี่ยวพันกันก็คงจะได้แก่เรื่องของ สถิติ ว่าครั้งนี้มีการทำลายสถิติการแข่งขัน ในแต่ละรายการหรือไม่อย่างไร

อีกหนึ่งในมิติที่จะต้องกล่าวถึงคือเรื่องของเศรษฐกิจหรือเม็ดเงินที่จะสะพัดในพื้นที่ หรือชุมชนของ เมืองเจ้าภาพ พัทลุงเกมส์ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่กีฬาและการท่องเที่ยวสามารถเป็นหนึ่งในพลังของการขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมให้ประจักษ์อีกครั้งหนึ่ง

ที่สำคัญเม็ดเงินจะสะพัดแค่ไหนอาจประเมินด้วยสายตายาก แต่ชาวบ้านหรือเหล่าบรรดาสถาน บริการ ร้านค้า ที่พัก ล้วนแล้วแต่เริงร่ากันถ้วนทั่ว ซึ่งตัวเลข หรือเม็ดเงินอาจจะแตะร้อยล้านก็ว่าได้

วันนี้เมื่อไฟในกระถางคบเพลิงสนามกีฬากลาง พัทลุงกำลังจะมอดลง เชื่อว่าด้วยแนวคิดของการจัดการ แข่งขันภายใต้ “สามัคคี มีน้ำใจ สายใยแห่งมิตรภาพ”

คงจะเป็นที่จดจำนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ให้กับทุกภาคส่วนอย่างแน่นอน

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

@@@@@@

ชื่นชมในความทุ่มเทของทุกภาคส่วน

ที่ทำให้ “พัทลุงเกมส์” คราวนี้...ปิดฉากลง อย่างสวยงาม

แล้วกลับมาพบกันใหม่ใน มหกรรมกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 38

“นครสวรรค์เกมส์” ปีหน้า 2566 นะครับ!!!

บี บางปะกง