ไทยรัฐฉบับพิมพ์
มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่แดนเหงียน เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนจะปิดฉากลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พ.ค.นี้
สถานการณ์การเป็นเจ้าเหรียญทองคงรู้ตั้งแต่ ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้วว่า “เจ้าภาพ” เอาไปแน่
ล่าสุดขณะที่ปั่นคอลัมน์นี้อยู่ทัพนักกีฬาเวียดนามเขาโกยเหรียญแน้บทิ้งห่างคู่แข่งหายห่วง
ส่วนทัพนักกีฬาไทยรั้งอยู่อันดับที่ 2 ของตาราง
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ “เรา” ในครั้งนี้ คือการเป็นเจ้าเหรียญทองใน “กีฬาสากล”
คงต้องตามลุ้นกันต่อไปจนถึงวันสุดท้ายแม้นว่า ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยจะออกมายอมรับว่านักกีฬาไทยเครื่องติดช้า จะเห็นได้จากการคว้าเหรียญ (รวม) ได้ต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ก็ตาม
แต่ “บิ๊กต้อม” ก็ยังเชื่อว่า ทัพนักกีฬาไทยจะทำผลงานได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 112 เหรียญทอง หรือมาก-น้อยกว่านี้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
พร้อมกับบอกว่ามั่นใจจะได้เกิน 90 เหรียญทองแน่ๆ
เนื่องจากกลุ่มกีฬาที่จะกวาดเหรียญทองให้ทัพนักกีฬาไทยเป็นกอบเป็นกำอย่างเช่น ยกน้ำหนัก, มวยไทย, มวย และจักรยาน จะลงแข่งขันในช่วงท้าย
ขณะเดียวกัน “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นั้นบอกว่าเป้าหมายของไทยในเวลานี้คือการรักษาอันดับที่ 2 ไว้ให้ได้
และอยากให้ลงลึกไปดูรายละเอียดในกลุ่มกีฬาสากลที่มีบรรจุแข่งขันในโอลิมปิก ซึ่งหนนี้กีฬาสากลของเราทำผลงานได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลายสมาคม
อาทิ กรีฑา ที่กวาดเหรียญทองพร้อมกับทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแบดมินตันที่ประเภททีมชายก็สามารถเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปี รวมไปถึงเทเบิลเทนนิสที่คว้าไปแล้ว 2 เหรียญทอง จากที่ผ่านๆมาจะมี 1 เหรียญทองในแต่ละซีเกมส์ เป็นต้น
ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี
สำหรับกรีฑาเองต้องถือว่านักกีฬาไทยคัมแบ็กกลับมาครองบัลลังก์เจ้าอาเซียนได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการกวาดมาได้ทั้งหมด 12 เหรียญทอง, 10 เหรียญเงิน, 8 เหรียญทองแดง
นอกจากนี้ เรายังได้ “บิว” ภูริพล บุญสอน ลมกรดดาวรุ่งวัยเพียงแค่ 16 ปี ที่ฉายแววคว้า 3 เหรียญทองในการวิ่งระยะสั้น ขึ้นมาเป็นดาวประดับวงการเพิ่ม และทำท่าว่าจะไปได้ดีในระดับเอเชียอีกด้วย
เรื่องเหล่านี้ก็พอจะสร้างรอยยิ้มให้แฟนกีฬาบ้านเราได้บ้าง ภายใต้สถานการณ์ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้
แต่เอาเป็นว่า ผมขอปิดท้ายเอาไว้แบบนี้ก็แล้วกัน
ประชาชนชาวไทยจะมีความสุขมากขึ้นไปกว่านี้อีก
ถ้าฟุตบอลชายของเราคว้าเหรียญทอง.
ยุบสภา