บี บางปะกง
จากควันหลงของเวทีเพาะกายชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 42 “มิสเตอร์ไทยแลนด์ 2022” เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมามีประเด็นให้ต้องพูดถึง นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันจากที่เปิดโอเพ่นรับสมัครนักกีฬาทั่วไป
เปลี่ยนมาเป็นการแข่งขันรอบควอลิฟายก่อน เพื่อคัดนักเพาะกายมาแข่งขันรายการนี้ในปีหน้า 2023
เพื่อเป็นการยกระดับอัปเกรด กระตุ้นให้ค่ายสมาชิกมีการพัฒนานักกีฬาอย่างต่อเนื่องตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติของประเทศไทย
โดยผู้ที่จะได้สิทธิร่วมเวทีมิสเตอร์ไทยแลนด์ หนต่อไป จะต้องติดอันดับ 1 ใน 5 ของรายการใดรายการหนึ่งที่ทางสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทยจัดขึ้น ดังต่อไปนี้
1.พายัพคลาสสิค 2.ไทยแลนด์ อีลิทฟิสิค 3.ทีเอ็มพีซี 4.ปักษ์ใต้คลาสสิค และ 5.อีสานคลาสสิค
ซึ่งเป็นแนวทางที่ บิ๊กศุกรีย์ สุภาวรีกุล ประมุขเบ่งกล้ามไทย กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาเป็นปีแรก
ด้วยเป้าหมายชัดเจน ที่อยากจะให้ทุกอีเวนต์ในรอบปีมีความหมาย
และยังเป็นการพัฒนาคุณภาพของนักเพาะกายบ้านเราไปในตัวด้วย
แต่กระนั้นก็มีเสียงสะท้อนออกมาจากสโมสรสมาชิกทั้งหลาย ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
จนล่าสุด “บิ๊กหนึ่ง” ธันย์ปวัฒน์ เตชภูวดลวิทิต ผู้จัดการทีมเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Thunpawat Techapuvadolvitit
ร่ายถึงเรื่องราว “ดราม่า” ที่เกิดขึ้นในวงการเพาะกายอย่างตรงไปตรงมา ลองอ่านกันดูนะครับ...เผื่อหูตาจะได้สว่างขึ้นมาบ้าง...หลายครั้งหลายหนที่ดราม่ากับเรื่องการแข่งของวงการนักกล้ามทั้งหลาย
ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้ามาในวงการนี้ ผมเห็นหลายอย่างที่เปลี่ยนไป ทั้งเรื่องคน ทั้งเรื่ององค์กร ที่เพิ่มขึ้นและแตกแยกออกไป ใครใคร่อยากอยู่ตรงไหน อยากแข่งตรงไหน ก็เดินไปตามฝัน ใครใคร่อยากติดทีมชาติ ก็เดินมาตามเส้นทาง
แต่อย่างที่บอก ทุกคนอยากเป็นที่ 1 อยากมีที่ยืน แต่เคยมองตัวเองไหมว่าทำได้ ทำดีแล้วรึยัง
ทุกอย่างมีกฎ มีกติกา ตอนที่เค้าจัดอบรมมาเรียนไหม ไม่มา บอกแม่งไม่ได้มาตรฐาน กูรู้หมดแล้ว มาศึกษาไหมไม่มา กูแน่กูเก่ง กูมีโค้ชดี กูรู้ว่าจะใช้อะไรตอนไหน
แต่ผลงานบนเวทีไม่ใช่ เอาแล้วด่า ด่าและก็ด่าแม่งเล่นพวก เล่นเส้น เล่นสาย เพราะกูไม่มีเส้นในสมาคม กูสวย กล้ามเนื้อดี...แต่พอบนเวที มีเวลา 5-10 นาที คุณทำมันออกมาดีไหม
กรรมการ เค้ามอง องค์ประกอบครบ ไม่ใช่ว่า คุณดูดีอยู่คนเดียว คนอื่นช่างแม่ง กูต้องชนะ สุดท้ายไม่ได้ดั่งใจ ด่าพ่อ ล่อแม่ คนอื่นมันซะงั้น
ต่อให้ไม่ใช่งานของสมาคม เป็นงานแข่งที่ไหนก็ตาม มันต้องมีกฎระเบียบ ทุกที่มีมาตรฐานแต่ละที่ของเค้า
ถ้าจะรักการแข่ง รักการเป็นนักกีฬา ทำๆทำมันให้ดีกว่าเดิม หาข้อมูลเยอะๆ จะดราม่ากันทำไม ไม่อยากแข่งก็ไม่ต้องแข่ง เปลืองเงินเปลืองตัว
และที่ผมได้ยินหลายๆคนบอกว่าในการแข่ง Mr.Thailand 2023 ออกมาเพื่อเส้นสาย ต้องแข่งติด Top 1-5 ของแต่ละเวที
นี่เค้าเปิดโอกาส ให้พิสูจน์ ตัวเอง ตั้ง 5 รอบ ถ้าแน่จริงเจ๋งจริง ก็มาชิง วัดกันบนเวทีได้ 5 รอบ
อย่าบอกนะว่า ลากยาว 5 เวที ก็ถ้าเก่งวางแผนเป็นรอบเดียวก็ 1 ใน 5 แล้ว จะลากไปอีก 4 เวทีทำไม...
พูดว่านักกีฬาคนนั้นคนนี้เป็นเด็กในสมาคม คนนั้นเส้นคนนี้ อาจารย์คนนั้น เป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ ไปเอาหลักฐานมาคุยกัน อย่ากล่าวหา กันมั่วไปหมด
ดราม่าได้ แต่คุณๆเอาพอประมาณกันนะ ให้เกียรติกันบ้าง อะไรๆ ก็ด่ากันหมด
คุณๆเคยมองอะไรดีบ้างไหมครับ...
บี บางปะกง