บี บางปะกง
รายการไลฟ์สด “เม้าส์กีฬาประสาบีบางปะกง” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์ บิ๊กศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย กับการเตรียมทัพเบ่งกล้ามไทยเพื่อสู้ศึกซีเกมส์ ที่เวียดนาม ในเดือนหน้า
โดยเวลานี้นักกีฬาทีมชาติทั้งหมด 14 คน กำลังเก็บตัวฝึกซ้อมช่วงโค้งสุดท้ายกันอย่างเข้มข้น อยู่ที่ศูนย์ฝึกเพื่อการแข่งขัน The Physique ไอทีสแควร์ หลักสี่
ซึ่งมหกรรมซีเกมส์ บรรจุกีฬาเพาะกายในการชิงเหรียญทองครั้งสุดท้ายเมื่อ 9 ปีก่อน ใน “ซีเกมส์ 2013” ที่เมียนมา
ดังนั้น การคัมแบ็กกลับมาชิงชัยเที่ยวนี้ แต่ละชาติอาเซียนจึงหมายมั่นปั้นมือที่จะจารึกความสำเร็จให้ประเทศตัวเองกันอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะ เจ้าภาพ เวียดนาม ไม่ต้องพูดถึง เขาตั้งความหวังไว้สูงลิบ ที่จะกวาดเหรียญทองเพาะกายอย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่ถึงเวลาจริงจะทำได้ตามเป้าหมายที่วาดฝันไว้หรือเปล่า? ก็ต้องถามคู่แข่งชาติอื่นดู เพราะล้วนแต่เขี้ยวลากดินแทบทั้งสิ้น
ยิ่งขุนพลนักเบ่งกล้ามไทยของเราต้องถือว่าไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนมีดีกรีเป็น “แชมป์โลก” มาแล้วทั้งสิ้น
การตั้งเป้าไว้แค่ 3 ทองในซีเกมส์ เที่ยวนี้ จึงไม่น่าจะพลาดหลุดมือไปแม้แต่น้อย!!
และก่อนที่นักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทย จะเหินฟ้าไปล่าแชมป์ซีเกมส์แดนเหงียน พวกเขาจะได้ประชันกล้ามทดสอบความฟิตกันก่อน ในเวทีใหญ่ที่ทุกคนรอคอย
กับการแข่งขันกีฬาเพาะกายชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565
ที่รู้จักกันดีในชื่อรายการ “มิสเตอร์ไทยแลนด์ 2022”
ซึ่งกำลังจะระเบิดการชิงชัยกันแล้ว ในสุดสัปดาห์นี้ วันที่ 8-10 เม.ย. ที่ไอส์แลนด์ฮอลล์ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา
โดยพิธีเปิด ในวันศุกร์ที่ 8 เม.ย. ได้รับเกียรติจาก พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร สมาชิกวุฒิสภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิดการแข่งขัน
ขณะเดียวกันการแข่งขันปีนี้ ทางสมาคมได้ เชิญ ประธานสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก (WBPF) ดาโต๊ะ พอลชัว มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการจัดเพาะกายในระดับมาตรฐานของสหพันธ์ เพื่อเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดศึกเพาะกายชิงแชมป์โลกในช่วงปลายปีต่อไป
สำหรับปีนี้จะมีเหล่าบรรดานักกีฬาระดับแนวหน้าของประเทศไทย มาร่วมการชิงชัยอย่างคึกคักกว่า 300 คน ใน 20 รุ่นการแข่งขัน ภายใต้รูปแบบนิวนอร์มอล (New Normal) อย่างเคร่งครัด
ทั้งในเรื่องการคัดกรองผู้เข้าร่วม การเว้นระยะห่างของผู้ชม การจำกัดผู้ติดตามนักกีฬา การไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยเข้าในพื้นที่จัดการแข่งขัน เป็นต้น
ที่สำคัญสมาคมจะลดจำนวนผู้เข้าชมในสนามให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เกินข้อกำหนด
โดยจะมีการ Live สด ผ่านช่อง Youtube TBPA TV และเพจ FB ของสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้เข้ามาในสถานที่จัดได้รับชมจากที่อื่นๆได้อย่างสะดวกอีกด้วย
นอกจากนี้ บิ๊กศุกรีย์ยังเผยด้วยว่า เวทีมิสเตอร์ไทยแลนด์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทยในครั้งนี้
จะเป็นปีสุดท้ายที่จัดแข่งในรูปแบบเดิม คือเปิดโอเพ่นให้นักกีฬาทุกคนจากสโมสรสมาชิกเข้าร่วมแข่งขันได้แบบไม่จำกัดจำนวน
แต่ปีหน้า 2566 เป็นต้นไป ศึกเพาะกายชิงแชมป์ประเทศไทย จะปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ เน้นคุณภาพของผู้เข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น
ซึ่งนักกีฬาแต่ละคนที่จะร่วมชิงชัยรายการนี้ได้ จะต้องมีผลงานติดอันดับ 1 ใน 5 เวทีหลักของสมาคม อาทิ อีสานคลาสสิก, พายัพคลาสสิก, ปักษ์ใต้คลาสสิก, หนุ่มกายงามสาวกล้ามสวย ฯลฯ อย่างน้อย 1 รายการในรอบปี
เรียกว่าจะใช้สังเวียนเหล่านี้ให้เป็นสนามควอลิฟายที่มีความหมาย ในการเลือกเฟ้นนักกีฬาระดับหัวกะทิมาชิงแชมป์ประเทศไทย
เพื่อยกระดับการแข่งขัน “มิสเตอร์ไทยแลนด์” ในแต่ละปี
ให้สมศักดิ์ศรีเวทียิ่งใหญ่สุดยอด ที่ทุกคนรอคอย
ของวงการเพาะกายบ้านเราอย่างแท้จริง!!!
บี บางปะกง