หน้าแรกแกลเลอรี่

“เอเลียด คิปโชเก” กลับมาลงสนามวิ่งอีกครั้ง ใน “Champs–Elysée Paris 2024”

จ๊อกกิ้งบอย

7 พ.ย. 2564 04:05 น.

สุขภาพดี ไม่มีขาย อยากได้ ต้องออกกำลัง

The King is back “เอเลียด คิปโชเก” สุดยอดปอดเหล็ก “หมายเลข 1” แห่งยุค คัมแบ็กกลับมาลงสนามวิ่งอีกครั้ง หลังจากโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ในรายการ “Champs–Elysée Paris 2024” หรือ งานวิ่งนับถอยหลัง 1,000 วันสู่โอลิมปิกปารีส 2024 ระยะทาง 5 กิโลเมตร

โดยงานนี้ คิปโชเก ลงแข่งภายใต้เงื่อนไขที่ว่าต้องออกตัวเป็นคนสุดท้ายของนักวิ่ง 3 พันกว่าคน และถ้าใครสามารถเข้าเส้นชัยก่อน EK ได้ จะได้สิทธ์ิเข้าร่วมวิ่งใน “มาราธอนโอลิมปิก” ที่ปารีส 2024

ปรากฏว่าครั้งนี้ เจ้าของเหรียญทองมาราธอนโอลิมปิก 2 สมัยซ้อนจากเคนยา วิ่งจบด้วยเวลา 14.25 นาที โดยมีนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยก่อนเขาได้พันกว่าคน ซึ่งปอดเหล็ก 1,000 คนแรกนั้น จะได้บินฟรีมาลงวิ่งมาราธอนในโอลิมปิก ปารีส ภาคประชาชน

และบรรดานักวิ่งที่วิ่งหนี EK สำเร็จ ก็ยังได้สิทธิ์มาถ่ายรูปร่วมกับเจ้าตัวอย่างใกล้ชิด โดยมีฉากหลังเป็นประตูชัยแห่งปารีส นับเป็นการ เริ่มคิกออฟโปรโมตโอลิมปิกแดนน้ำหอมได้อย่างคึกคักและอบอุ่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เลยทีเดียว ซึ่งหลายๆสื่อที่ฝรั่งเศสเริ่มกะเก็งกันแล้วว่า คิปโชเก น่าจะได้รับตำแหน่ง “ทูตกีฬาโอลิมปิก 2024” รวมทั้งมีโอกาสจะได้เป็นหนึ่งในผู้วิ่งคบเพลิงด้วย

โดย EK คิปโชเก ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความสุขกับความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ของผมคือชัยชนะของหลายร้อยคน และผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในปี 2024” ส่วนคำถามที่ว่าเขาจะกลับมาป้องกันเหรียญทองโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 3 ในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือไม่? เพราะปีนี้เจ้าตัวก็อยู่ในวัย 36 ปีเข้าให้แล้ว

เรื่องนี้คิปโชเกยังไม่ได้ตอบสื่อไหนเลยว่าอนาคตจะเอาอย่างไร บอกได้แต่เพียงว่า เขาจะยังไม่รีไทร์ตอนนี้แน่นอน โดยตั้งใจจะเก็บ “มาราธอนเมเจอร์” ของโลกนี้ให้ครบทุกสนามเสียก่อน โดยปัจจุบันเจ้าตัวยังขาดอยู่ 3 รายการ คือ นิวยอร์กมาราธอน, โตเกียวมาราธอน และ บอสตันมาราธอน ซึ่งคาดว่าไม่เกินสิ้นปีหน้า ถ้าเขาไม่เดี้ยงไปเสียก่อน ก็น่าจะสมหวังดั่งใจนึกได้ไม่ยากเลย

หันมาเช็กข่าวงานวิ่งมาราธอนในเอเชียกันดูบ้าง “ฮ่องกง” กลับมา จัดวิ่งมาราธอนครั้งแรกหลังโควิด–19 กันแล้ว เมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่หลังจบการแข่งขันก็มีเสียงวิจารณ์ตามมาทันที ถึงการตั้งกฎควบคุมผู้เข้าร่วมวิ่งทั้ง 15,000 คน ที่จำเป็นต้องปกปิดรอยสักทั้งหมดบนร่างกาย อันเนื่องมาจากการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2019 จึงต้องให้ ผู้เข้าร่วมแข่งทุกคนต้องปิดรอยสักเพราะอาจจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทาง “การเมือง” ได้ และไม่ใช่เพียงแค่รอยสักเท่านั้น แต่ยังห้ามสวมใส่อะไรที่ส่อไปในเรื่องการเมืองทุกชนิดอีกด้วย...แหม!! ช่างป๊อดซะเหลือเกิน พ่อคุณเอ๋ย! 

“จ๊อกกิ้งบอย”
joggingboy_be@yahoo.com