เบี้ยหงาย
เปิดศักราชใหม่ 2564 ท่าม-กลางความหวาดหวั่นกับการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน รอบใหม่ที่ดูจะแรงเร็วและขยายเป็นวงกว้างกว่าเก่าในบ้านเมืองของเรา แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป จะก้าวช้า ก้าวเร็ว ก้าวๆหยุดๆดูจังหวะ หรือมีเหตุทำให้ต้องหยุดนิ่งเช่นไร ในที่สุดมันก็ต้องก้าวกันต่อไปให้ได้นั่นแหละ
เกมกีฬาอะไรจะถูกหวย หยุดชะงักกันไปบ้างก็ต้องว่าไปตามสถานการณ์ แต่ในส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งช่วงเวลานี้ เป็นเวลาของการหาคนเข้ามาเติมเต็มตำแหน่งตามโครงสร้างที่ว่างลง อย่างน้อยก็ 2 ตำแหน่งที่ต้องเร่งด่วนขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. ที่จะมา แทน “รองตูน” ณัฐวุฒิ เรืองเวส ที่ยื่นหนังสือลาออก หลังได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ซึ่งจริงๆจะเป็นควบกันก็ได้ไม่มีข้อห้ามทางกฎหมาย แต่อาจจะถูกครหาได้ และเป็นสปิริตส่วนตัวที่น่ายกย่อง ตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท.ที่ว่างลงนี้ อย่าไปดูว่าจะเป็นรองฝ่ายใดเลย เพราะสามารถจัดวางสับเปลี่ยนกันได้อยู่แล้ว
อีกตำแหน่งเป็นคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือบอร์ด กกท. ในส่วนของตัวแทนสมาคมกีฬา ที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” ซึ่งการเข้าสู่ตำแหน่งนี้เป็นการเลือกตั้ง โดยนายกสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” เป็นผู้เลือก ได้ตัวแทนเข้ามานั่งบอร์ด 1 คน เหตุที่ตำแหน่งนี้ว่างลงก็เพราะ บอร์ดในส่วนนี้ท่านเดิม “บิ๊กเอ๋” กิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล เมื่อตอนได้เลือกตั้งเข้ามา เป็นนายกสมาคมกีฬาเทนนิสฯ แต่ปัจจุบัน “บิ๊กเอ๋” ไม่ได้เป็นนายกสมาคมกีฬาเทนนิสฯแล้ว จึงส่งผลต่อตำแหน่งบอร์ด กกท.ไปโดยปริยาย
ส่วนวันก่อนมีมติบอร์ด กกท.ออกมา เห็นชอบร่างโครงสร้างของการกีฬาแห่งประเทศไทยใหม่ ซึ่งจะมีการเพิ่มอัตรากำลังระดับผู้บริหารขึ้นมา 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.รองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย 3.ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย และ 4.ผู้อำนวยการฝ่ายการคลังกองทุน ส่วนนี้ยังมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้เป็นทางการอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะมาถึงการสรรหาตัวบุคคล
ตอนนี้จึงต้องหาตัว 2 ตำแหน่งดังกล่าวก่อน แต่เรื่องของรองผู้ว่าการ กกท. ยังไม่ได้วางรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา และเป็นอำนาจของบอร์ดที่จะดำเนิน การกันไป ตัวบุคคลที่อยู่ในข่ายก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริหารระดับ ผอ. เห็นหน้าเห็นตาคุ้นเคยกันทั้งนั้น เพียงรอเคาะกัน อาจจะมีอะไรในใจกันบ้างตามครรลองด้วยเป็นการต้องแย่งชิงตำแหน่งกัน แต่ก็ไม่น่ารุนแรงนัก
และใครที่พลาดรอบนี้ก็ยังมีโอกาสในรอบหน้า ซึ่งก็มีท่านรองฯจะเกษียณอายุราชการเป็นลำดับๆถัดไป
ที่ต้องโฟกัสกันหน่อยก็ตำแหน่งบอร์ด กกท. ตัวแทนสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” นี่แหละ ยิ่งมีความพยายามจากขั้วอำนาจใหม่ ไปแตะไม้แตะมือกับนายกบางสมาคม ใช้ช่องทางการมีสิทธิ์ชงเรื่องและอนุมัติงบเป็นแม่เหล็กเรียกการสนับสนุน จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ดูเหมือนจะสมัครเข้ารับการเลือกตั้งแล้ว 2 คน เป็นนายกสมาคมกีฬายูยิตสูฯกับยิมนาสติกฯ ส่วนนายกปิงปอง ณัฐวุฒิ เรืองเวส ที่แสดงเจตจำนงแต่ต้น ไม่แน่ใจว่ายื่นสมัครรึยัง ด้วยเพิ่งพ้นตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท.อย่างเป็นทางการ เมื่อปลายปีก่อน หยุดยาว รวมทั้งจะมีใครเพิ่มเติมเข้ามาอีก ก็ยังมีเวลา เปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 6 ม.ค. ก่อนจะกำหนดวันเลือกตั้งกันอีกครั้ง
เมื่อตำแหน่งนี้ต้องมาจากการเลือกตั้ง จะมีใครใช้วิธีใดก็ตาม มันก็ต้องผ่านกระบวนการตัดสินใจเลือก และลงคะแนนด้วยมือของนายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยทั้งหลาย
นั่นหมายถึงล้วนเป็นคนกีฬาทั้งสิ้น
คนกีฬาแท้ๆก็ต้องเลือกเอา ว่าจะตัดสินใจเลือกด้วยเหตุผลใด จากใจที่บริสุทธิ์ จากเหตุผลที่บริสุทธิ์หรือจากเงื่อนไขใด...
“เบี้ยหงาย”