บี บางปะกง
แม้สถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่จะยังน่าเป็นห่วง !! แต่อีเวนต์กีฬาระดับบิ๊กของบ้านเราถึง 2 รายการก็ยังยืนยันเดินหน้าขึ้นเหนือไปจัดกันในสุดสัปดาห์นี้ตามกำหนดเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
ทั้งงานวิ่ง “เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน” ครั้งที่ 15 (Muang Thai Chiang Mai Marathon 2020) ที่จะมีขึ้นใน เช้าวันอาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. ที่ข่วงประตูท่าแพ
โดยจำกัดผู้สมัครวิ่งอยู่ที่ 4,000 คน รวมถึงกฎกติกาที่เป็นแบบ New Normal ตามมาตรการของ ศบค.อย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.chiangmaimarathon.com
ขณะเดียวกันอีกรายการใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นที่นครเวียงพิงค์ในวีกนี้เช่นกัน
ก็คือศึกเพาะกาย สนามสุดท้ายของปี “ไทยแลนด์ พายัพคลาสสิค 2020” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “หนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย”
ที่สมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เป็นโต้โผจัด ระหว่างวันเสาร์–อาทิตย์ที่ 19–20 ธ.ค.นี้ ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่
โดยนายกเบ่งกล้าม ศุกรีย์ สุภาวรีกุล ยังมั่นใจในมาตรการของทาง จ.เชียงใหม่ และอยากจะช่วยภาครัฐในการใช้กีฬากระตุ้นการท่องเที่ยว ตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ซึ่งฝ่ายจัดได้เตรียมมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น ตามคู่มือ ศบค.เเละสหพันธ์เพาะกายโลก ที่ดำเนินการมาแล้ว 4 สนาม ทั้งที่ พัทยา, กรุงเทพฯ, ขอนแก่น และเกาะสมุย ซึ่งทุกจังหวัดต่างป้องกันไวรัสมฤตยูได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดคัดกรอง, การกำหนดให้นักกีฬามีผู้ติดตามได้เพียงคนเดียวต่อ 1 คน, การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา, การเว้นระยะห่างทางสังคมและจำกัดจำนวนนักกีฬา 9 รุ่นต่อ 1 วัน เพื่อลดความแออัดในการโชว์ตัวบนเวที และระหว่างแข่งขัน
สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายได้เกินร้อย ว่าทัวร์นาเมนต์นี้ปลอดภัยไร้กังวลแน่ๆ
โดยรายการนี้ปิดรับสมัครกันไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 250 คน และยังมีบรรดานักกีฬาต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยเข้าร่วมแจมด้วยใน 18 รุ่นอย่างคับคั่ง
ขณะเดียวกันสมาคมก็จะลดจำนวนผู้เข้าชมในสนามให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เกินข้อกำหนด
แต่จะทดแทนด้วยการ Live สด ผ่านช่อง Youtube TBPA TV และเพจ FB ของสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้เข้ามาที่เซ็นทรัลฯเชียงใหม่ ได้รับชมจากสถานที่อื่นๆไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ ไฮไลต์ของสนามสุดท้ายก็จะเป็นเวทีคัดเลือกตัวนักกีฬาเพาะกายทีมชาติไทย เพื่อเก็บตัวเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ในปลายปี 2564 ที่ประเทศเวียดนาม
ซึ่งจะแบ่งเป็น เพาะกายชาย 7 รุ่นการแข่งขัน เพาะกายหญิง 1 รุ่นแข่งขัน แอธเลติคฟิสิคชาย 1 รุ่น และมิกซ์แพร์อีก 1 รุ่น
นักกีฬาทีมชาติทั้งหมดจะถูกเรียกเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมตั้งแต่ต้นปี 64 เป็นต้นไป
และจากการที่ได้คุยกับทีมสตาฟฟ์โค้ชตกลงว่าสมาคมจะเรียกเก็บตัวทั้งหมด 15 คน
โดยนักกีฬาชุดนี้จะไม่ซ้ำกับชุดเซาท์อีสต์เอเชีย, ชิงแชมป์เอเชีย และชิงแชมป์โลก ซึ่งจะเก็บตัวตั้งแต่ต้นปีและเก็บตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
เนื่องจากปีนี้มีโรคระบาดโควิด-19 ทำให้เจ้าภาพแต่ละประเทศไม่สามารถจัดการแข่งขันได้
ซึ่งถ้าในปี 2564 สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น และสามารถจัดแข่งกันได้ตามปกติ
นักกีฬาที่ติดโผอยู่แล้วก็จะไปทำการชิงชัยตามรายชื่อที่เรียกเก็บตัวตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน
แต่ทั้งนี้ทางสมาคมก็ต้องดูสภาพความพร้อมของนักกีฬาแต่ละคนด้วย
ดังนั้น ทั้งหมดจึงต้องเตรียมตัวฟิตร่างกาย ดูแลในเรื่องรูปร่างของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ถือคติว่ายังไงก็ต้องพร้อมเข้าไว้ จึงจะมีชัยไปกว่าครึ่ง
ความหมายคล้ายๆ “การ์ดไม่ตก ต้องยกเวต” ของชาวเพาะกายบ้านเรานั่นแหละ
กดไลค์รัวๆกันเลยสิ...รออะไร!!!
บี บางปะกง