เบี้ยหงาย
วงการกีฬาในปีนี้แม้เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวก็จะหมดปี แต่ก็จะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมกันอย่างน้อยก็ 2 สมาคม หนึ่งคือสมาคมกีฬาตะกร้อฯ ซึ่ง “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ที่นั่งตำแหน่งนี้มา 16 สมัยแล้วครบวาระตั้งแต่ต้นปี แต่เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 จึงกำหนดมาเลือกกันปลายปี ในวันเสาร์ที่ 28 พ.ย.
ก็อยู่ที่ท่านว่าจะตัดสินใจว่าจะต่อหรือไม่ต่อ หรือปล่อยให้คนอื่นมารับช่วง ซึ่งแน่นอนมีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้ ส่วนท่านจะเอาอย่างไร เชื่อใจคนรอบข้าง และอยากปล่อยมือหรือไม่ ด้วยอายุท่านมากและสุขภาพไม่แข็งแรงนัก สมควรที่จะพักผ่อน เดี๋ยวก็รู้กัน!
ส่วนอีกหนึ่งสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ซึ่งนายกสมาคมท่านเดิม “เฮียเต็ก” พีรเดช พฤฒิพฤกษ์ ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่รอกำหนดวันอยู่ ซึ่งก็คงเร็วๆนี้ ภายในเดือนหน้านี่แหละ
ผู้ที่ได้รับความคาดหมายว่าจะมานั่งก็ไม่ใช่ใคร “รองตูน” ณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. ซึ่งก็เป็นคนปิงปองมาดั้งเดิมอยู่แล้ว ส่วนจะมาแบบถอดเครื่องแบบ คน กกท.หรือไม่อย่างไร ก็สุดแล้วแต่ท่านรองจะตัดสินใจเอาเอง
การเลือกตั้งของสมาคมกีฬาในช่วงนี้และรวมถึงปีหน้า ย่อมจะส่งผลตรงถึงการเลือกตั้งในองค์กรกีฬาใหญ่อย่าง คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งกำหนดจะเลือกกันหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนส.ค.
เกี่ยวกันอย่างไร ก็ตำแหน่งนายกสมาคมกีฬา ก็มีสิทธิ์ทั้งเป็นผู้เลือก และถูกเลือกเข้าร่วมทีมคณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการโอลิมปิก
นายกสมาคมกีฬาทั่วไปก็ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องโฟกัสไปที่สมาคมกีฬาตะกร้อฯ เมื่อตัวบุคคลอย่าง พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ มีสถานภาพเป็นคีย์แมนโอลิมปิกไทยอย่างที่ทราบกันดี จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ!
“บิ๊กจา” พี่ใหญ่ของชาวกีฬา จะยอมปล่อยมือจากตะกร้อหรือไม่ และหากปล่อยจะรวมไปถึงโอลิมปิกไทยด้วยหรือไม่ คงไม่ใช่ปล่อยอันหนึ่งยึดอันหนึ่ง
อย่างที่ว่าในขอบเขตของ “ตะกร้อ” ก็มีการพูดคุยระดับหนึ่ง ส่วนในองค์กรโอลิมปิกไทย ซึ่งมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานอยู่ พูดคุยกันชัดเจนแล้วหรือยัง อันนี้ไม่แน่ใจ แต่มีการเตรียมการของบางส่วนไว้บ้างแล้ว
แน่นอนว่า ณ เวลานี้ หัวเรือใหญ่ยังเป็นท่านเดิม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนจะวางเครือข่ายทีมงานอย่างไร พลังเขียวจะกลืนทุกสิ่งอย่าง คนเก่าๆจะยังอยู่ครบถ้วนกระบวนความหรือมีส่วนผสมอื่นอย่างไร ล้วนเกี่ยวพันกับความชัดเจนที่จะออกมาจากสมาคมกีฬาตะกร้อฯในระดับหนึ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ยิ่งสภาพบ้านเมืองในกรอบใหญ่เช่นปัจจุบัน ก็อาจจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในวงการกีฬาได้เช่นกัน
ยิ่งการเลือกตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย จะเกิดขึ้นหลังจบกีฬาโอลิมปิกเดือนส.ค. เวลาที่ทอดผ่านจากนี้ไป ความไม่แน่นอนก็ยิ่งมากขึ้นแต่ถ้ามีการเปลี่ยนเวลาเลือกตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกมาเร็วขึ้นเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณ!
สัญญาณอันเนื่องมาจากความกลัว กลัวว่าภาพใหญ่จะเปลี่ยนแปลง...
“เบี้ยหงาย”