เบี้ยหงาย
ในหนังสือที่ ปช 0024/0712 ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ส่งถึง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เรื่อง ขอทราบข้อเท็จจริง ขอเอกสารหลักฐาน และขอให้พนักงานไปให้ถ้อยคำ ลงวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งในเนื้อหาก็มีการอ้างถึงหนังสือการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ กก 5102/15544 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2562 ที่การกีฬาฯ ได้แจ้งข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องกล่าวหาพนักงาน กกท. ว่าด้วยการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีละเว้นไม่ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินกิจการของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
หนังสือของ ป.ป.ช. ระบุมีความจำเป็นต้องขอทราบข้อเท็จจริง และขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาใน 3 ประเด็น
1.ขอทราบหน้าที่และอำนาจของผู้ว่าการ กกท. เกี่ยวกับการตรวจสอบสมาคมฯ รวมถึงผู้ว่าการ กกท. ได้ตรวจสอบและดำเนินการเป็นประการใดบ้าง
2.ขอทราบว่า กกท. ได้ตรวจสอบกรณีการเบิกจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนของนายกสมาคม อุปนายก และกรรมการ ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าถูกต้องตามข้อบังคับของสมาคมฯหรือไม่ และมีการเสนอสภากรรมการบริหารของสมาคมฯ อนุมัติก่อนการเบิกจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนหรือไม่ ผลเป็นประการใด
3.ขอทราบว่า กกท. ได้ตรวจสอบกรณีสมาคมฯได้จัดตั้งและเข้าถือหุ้นในบริษัท ไทยลีก จำกัด ว่าเป็นไปตามข้อบังคับของสมาคมฯหรือไม่ และมีกรรมการหรือพนักงานของสมาคมฯรับเงินเดือนหรือค่าตอบแทน ทั้งจากสมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด หรือไม่ ผลเป็นประการใด
เดิมในหนังสือฉบับนี้ได้แจ้งให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและให้พนักงานที่ทราบเรื่องดีไปให้ถ้อยคำในวันที่ 8 ต.ค. แต่ภายหลังทางผู้ว่าการ กกท. ได้ระบุว่ามีการประสานกันซึ่งเลื่อนไปให้ข้อมูลเป็นวันที่ 20 ต.ค.
ขณะเดียวกันผู้ว่าการ กกท. ดร.ก้องศักด ยอดมณี ก็ให้ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศติดต่อขอเอกสารจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเพื่อเตรียมไปชี้แจง ความเห็นของท่านผู้ว่าในเรื่องนี้ที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วแล้ว ชี้ว่าการมีเงินเดือนของผู้บริหารสมาคมกีฬา ไม่ได้มีข้อห้ามเอาไว้ แต่สิ่งที่ต้องดูคือ มติที่ประชุมเป็นอย่างไร ถ้าดำเนินการถูกต้องก็ไม่มีปัญหาอะไร
ท่าทีที่ออกมา คงจะพอมองเห็นว่า ประเด็นอยู่ตรงไหนอย่างไร ในมุมมองของผู้ว่าการ กกท. นั่นพอจะอนุมานได้ว่า หากมีมติที่ประชุมที่ชัดเจน กับเรื่องเงินเดือนนี้ก็สามารถทำได้ ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร
สิ่งที่ต้องดูกับคำว่า “ชัดเจน” นั่นจะหมายถึงการลงรายละเอียดค่าตอบแทนแต่ละตำแหน่ง
หรือเพียงแค่เอ่ยอ้างในภาพรวมก็เพียงพอ
และมุมมองกับเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทน ตามหลักกฎหมาย กับธรรมเนียมปฏิบัติของสมาคมกีฬาต่างๆ ที่ประพฤติและยึดถือกันมาโดยตลอด ไม่ได้เกี่ยวโยงต่อกัน
อีกประเด็นที่เหมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เมื่อข้อร้องเรียนในกรณีนี้ มุ่งถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ กกท. นั่นหมายถึง หากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯกระทำผิด ย่อมส่งผลต่อการชี้มูล
ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กกท. ด้วยหรือไม่
เช่นกัน ถ้าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯทำถูกต้อง ไร้ข้อตำหนิใดๆ กกท.ก็ย่อมปฏิบัติถูกไปด้วยกัน!
ดูแล้วจะเป็นคนหนึ่งถูกคนหนึ่งผิด หรือ คนหนึ่งผิดคนหนึ่งถูก มันจะย้อนแย้งกันได้อย่างไร ด้วยผลมันเกิดมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอฟังคำตอบจากหลักฐาน และถ้อยแถลง ในท้ายที่สุด
นี่จะเป็นบรรทัดฐานของการเข้ามาทำงานในสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยต่อไปอย่างแน่นอน...
“เบี้ยหงาย”