เบี้ยหงาย
การผ่อนปรนระยะที่ 3 หลังคณะรัฐมนตรีได้มีมติออกมา ซึ่งมีการประกาศทางราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการเมื่อ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา และเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.2563
โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกีฬาและแวดล้อมนั้น
อยู่ในข้อ 3 การผ่อนคลายให้ดําเนินการ หรือทํากิจกรรมบางอย่างได้ เพื่ออํานวยความสะดวกแก่ประชาชนและขับเคลื่อนกิจกรรมบางอย่างเพิ่มเติมจากที่ได้กําหนดไว้ ในกลุ่มที่ 2 กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ หรือสันทนาการ แยกย่อยในหมวดที่ ค, ง, จ, น, ช และ ซ มีรายละเอียดดังนี้
ค.สถานที่ออกกําลังกายฟิตเนสให้เปิดดําเนินการได้โดยจํากัดจํานวนผู้เล่นในการเล่นแบบรวมกลุ่มและงดเว้นการอบตัว หรืออบไอนํ้าแบบรวม
ง.สถานที่ฝึกซ้อมมวย โรงยิมหรือค่ายมวย ให้เปิดได้เฉพาะเพื่อการฝึกซ้อมการชกลมโดยไม่มีคู่ชก การชกมวยแบบล่อเป้า โดยต้องไม่เป็นการแข่งขันและไม่มีผู้ชม
จ.สนามกีฬาให้เปิดดําเนินการได้เฉพาะกิจกรรมเพื่อการออกกําลังกายหรือการฝึกซ้อมในประเภทกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล โดยต้องไม่เป็นการแข่งขัน และมีจํานวนผู้ร่วมกิจกรรมที่อยู่ในบริเวณสนามกีฬา (ไม่นับรวมผู้เล่น) อีกไม่เกินสิบคน
น.สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเกต หรือโรลเลอร์เบลด หรือการละเล่นอื่นๆในทํานองเดียวกัน ให้เปิดดําเนิน การได้เฉพาะเพื่อการออกกําลังกาย หรือการฝึกซ้อม
ช.สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ
ซ.สระนํ้าเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมทางนํ้าในบึง เช่น เจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ เครื่องเล่น ประเภทบานาน่าโบ๊ต ให้เปิดดําเนินการได้โดยต้องไม่เป็นการแข่งขันและจํากัดจํานวนผู้เล่นตามจํานวน เครื่องเล่นและขนาดพื้นที่
จากประกาศดังกล่าว กีฬาหลักๆที่อยู่ในความสนใจ โดยในประเภททีมก็ชัดเจนว่า ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอลนั้น ซ้อมได้แทบจะเต็มรูป จำกัดเพียงคนแวดล้อมที่อยู่ในสนามไม่เกิน 10 คน แต่ยังแข่งขันไม่ได้ และก็ต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 พื้นฐาน ตรงนี้ก็รวมทั้งในส่วนที่เป็นกีฬาอาชีพและกีฬาสมัครเล่น ซึ่งก็รวมถึงทีมชาติด้วยนั่นแหละ
สำหรับกลุ่มกีฬาอาชีพก็ถือเป็นก้าวแรกที่ให้เตรียมตัวก่อนจะนำไปสู่การแข่งขันได้แบบปิดสนามในระยะต่อไป
ส่วนที่เป็นประเด็นหน่อยก็เรื่องมวย แม้จะเปิดโรงยิม เปิดค่ายมวย แต่ก็ระบุให้เพียงซ้อม
ชกลม ไม่มีคู่ชก ชกล่อเป้าได้ แต่ไม่แข่งขันและไม่มีผู้ชม ซึ่งไม่แข่งนั้นรับทราบกันอยู่แล้ว แต่ตรง ไม่มีคนชมกำกับมาด้วย อย่างนี้คนแวดล้อมกับนักมวยไปยืนดูซ้อมได้หรือไม่ แต่นั่นก็เพียงแค่เรื่องหยุมหยิมปลีกย่อย ภาพรวมก็ยังถือว่าเปิดค่ายได้ก็จริง แต่ยังซ้อมเต็มที่ไม่ได้เหมือนกีฬาประเภททีม ทั้งที่คนน้อยกว่า
และในส่วนมวยนี้ซึ่งมีทั้งสถานภาพที่เป็นอาชีพกับสมัครเล่น ทั้งมวยไทยและมวยสากล และรวมถึงทีมชาติ เช่น กีฬาประเภททีม อย่างที่บอกอีกครั้งว่า “คนน้อยกว่าประเภททีมมาก” จึงมีความแตกต่าง!
ทั้งยังแตกต่างอย่างมากกับการเป็นมวยไทยอาชีพกับมวยสากลสมัครเล่น ซึ่งเป็นทีมชาติ โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ เป้าหมาย จำนวนเฉพาะ และวิธีการฝึกซ้อม
เมื่อทุกมวยถูกจับมาอยู่ภายใต้มุมมองเดียวกัน ก็อาจจะไม่สมเหตุสมผลนัก และจะเสียโอกาสไปเกินความจำเป็นหรือไม่
สมควรที่จะลงรายละเอียด แยกย่อย ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์บ้างในภาวะที่ทุกฝ่ายน้อมรับว่าต้องเสียประโยชน์เช่นนี้
คิดเพิ่มอีกนิดก็ดี...
“เบี้ยหงาย”