หน้าแรกแกลเลอรี่

"โปรแจ๊ส" อยู่ยาว ปักหลักสหรัฐฯ หวังแจ้งเกิดในพีจีเอ ทัวร์

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

31 พ.ค. 2563 13:00 น.

“โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ สวิงหนุ่มจากไทย ตั้งเป้าหมายแจ้งเกิดในเวทีพีจีเอ ทัวร์ หลังประกาศขออยู่ต่อที่แผ่นดินมะกัน ด้วยการอาศัยกับ แดเนียล โชปรา สวิงรุ่นใหญ่จากสวีเดน เพื่อเตรียมลงหวดในศึกพีจีเอ ทัวร์ ที่จ่อจะรีเทิร์นในเดือนหน้านี้ เจ้าตัวเผยแม้ต้องจากบ้านมาไกล แต่ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ติดต่อกับครอบครัว

จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ศึกพีจีเอ ทัวร์ ต้องปิดตัวลง แต่ในส่วนของ “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ สวิงหนุ่มไทย วัย 24 ปี ยังคงซุ่มซ้อม และเก็บตัวลี้ภัยอยู่ที่ออร์ลันโด มากว่า 2 เดือนแล้ว ก่อนเตรียมกลับมาลงแข่งขันในศึกชาร์ลส ชแวป ชาลเลนจ์ ที่เป็นรายการแรกในการกลับมา ของศึกพีจีเอ ทัวร์ ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ตามแนวทางป้องกันด้านสุขภาพและความปลอดภัยใหม่

ทั้งนี้ “โปรแจ๊ส” ได้วางแผนจะลงแข่งขันไม่ว่า จะเป็นศึกอาร์บีซี เฮอริเทจ, เดอะ เมมโมเรียล ทัวร์นาเมนต์ และศึกดับบลิวจีซี-เฟดเอกซ์ เซนต์ จูด อินวิเตชั่นแนล เพื่อหวังโอกาสในพีจีเอ ทัวร์ ของ ตัวเอง และกำลังเตรียมพร้อมกับศึก 3 จาก 4 รายการเมเจอร์ของปี 2020

“โปรแจ๊ส” กล่าวว่า กำลังมองหาที่ลี้ภัยให้กับ ตัวเองที่นี่เพราะมีอีก 2-3 รายการที่กำลังจะมาถึง ตนไม่ห่วงว่าทำจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน แค่อยาก จะกลับมาเล่นทัวร์นาเมนต์กอล์ฟอีกครั้งเท่านั้น เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด และทีมงานของเราก็พร้อมแล้ว ซึ่งความฝันในการเล่นในแผ่นดินอเมริกา ยังคงเป็นความภาคภูมิใจส่วนตัว

“ความรู้สึกตอนนี้เหมือนคุณกำลังเดินไปในอุโมงค์ และพยายามที่จะหาทางออกในปลายอุโมงค์ แน่นอนมันลำบาก เพราะคุณต้องจากบ้านมาไกล เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ปู่ของผมจากไปแบบไม่มี วันกลับ และทำให้ผมเศร้าใจมากที่ไม่ได้อยู่กับแม่ และครอบครัวในช่วงเวลานี้ ผมคิดถึงพวกเขามาก แต่ก็ขอบคุณเทคโนโลยีอันทันสมัย เพราะเรายังคง “เฟซไทม์” หากันเสมอๆ พวกเขาบอกให้ผมทำในสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำ และต้องการ แต่ก็เตือนผมเสมอ ให้ระวัง และรักษาสุขภาพ” สวิงหนุ่มไทยเผย

ขณะเดียวกัน โปรแจ๊สยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่แผ่นดินอเมริกา ซึ่งนั่นคือบ้านของครอบครัว แดเนียล โชปรา สวิงชาวสวีดิชเจ้าของแชมป์พีจีเอ 2 สมัย และเล่นในเอเชียน ทัวร์ ซึ่งครอบครัวโชปราอาศัยที่เบย์ฮิลล์ และเชิญให้แจ๊ส ย้ายมาอาศัยร่วมกันตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. เพราะทั้งแจ๊สและแคดดี้ส่วนตัวของเขากำลังมองหาที่อาศัย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรแจ๊สกล่าวว่า ตอนที่มีการ ปิดทุกอย่าง ตนยังไม่อยากจะกลับเมืองไทย เพราะไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะปิดตัวลงถึงเมื่อไร และอีกอย่างประเทศไทยเองก็มีประกาศปิดประเทศด้วย ดังนั้นสายเกินไปที่จะกลับบ้านแล้ว ซึ่งก่อนนี้เราจองโรงแรมกันไว้ 2 สัปดาห์ แต่แดเนียลบอกให้เราไปอยู่กับเขาเลย มันเยี่ยมมากที่ได้มีคนคุ้นเคยอยู่ข้างตัว มันรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่บ้าน

“ที่นี่มีทุกอย่างอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของ รวมถึงร้านหมอ และของใช้จิปาถะ กิจกรรมทุกวัน ขอเขาคือตื่นขึ้นมา และคิดว่าเราจะหาอะไรกินกัน จ้องมองหน้าต่าง และเรื่องเดิมๆซ้ำๆวนๆไป ตอนที่ ห้ามเล่นกอล์ฟ พวกเราพยายามทำสิ่งต่างๆ เล่นบาสเกตบอล, เวคบอร์ด, เวคเซิร์ป เล่นเทนนิส และอะไรอีกหลายอย่าง”

โปรแจ๊สกล่าวอีกว่า “แดเนียล มีตาข่ายซ้อมกอล์ฟที่บ้าน จึงมีโอกาสได้ใช้มัน พวกเราเล่นกอล์ฟกันเกือบทุกวันด้วยกัน เขาเป็นคนที่สุดยอด และเป็นนักกอล์ฟชั้นยอดด้วย เขาเป็นคนชอบเกมข้าง กรีน และเกมพัตต์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเป็นแชมป์พีจีเอ ทัวร์ ขณะที่ลูกชายของเขา คาสเปอร์ วัย 10 ขวบ ก็ยังเล่นกอล์ฟได้สุดยอดด้วย มันเยี่ยมแค่ไหนกับการได้มองเห็นเด็กอายุขนาดนั้นเล่นกับลูกกอล์ฟได้ทั้งวัน แบบนั้น ขณะที่ตนยังให้เวลากับกอล์ฟน้อยกว่าพวกเขาเสียอีก และนั่นมันยิ่งทำให้เราเพิ่มความรักในเกมกอล์ฟมากขึ้น และขยันกับตัวเองมากขึ้นด้วย

“จริงๆผมคิดว่าหากผมกลับเมืองไทย มันอาจ จะทำให้ผมไม่มีแรงกระตุ้นที่ดีกว่านี่ก็ได้ มันคงจะง่ายกว่าในการอยู่ที่นี่ ซึ่งผมก็เลือกแล้ว และคิดว่าลองอยู่ที่นี่เพื่อมองหาอะไรให้ตัวเอง และก็ไม่คิดว่า ผมจะได้พบกับอะไรที่เกินคาดแบบนี้ ผมเชื่อมั่นว่าหากเราสามัคคีกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันทุกอย่าง ในโลกนี่มันคงจะดีขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับครอบครัวของพวกเขา การต้อนรับอย่างดี ผมให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านและสร้างความประทับใจให้ผมมากๆ”