หน้าแรกแกลเลอรี่

เรียงหน้าชน : อย่าสองมาตรฐาน

โจโจ้

31 พ.ค. 2563 05:01 น.

ช่วงไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้ทั่วโลกเกิดผลกระทบอย่างหนัก หลายวงการต้องพับเสื่อเพราะเข้าขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังแพร่ระบาด ในตอนนี้ว่ากันว่าเปรียบเสมือนคนเป็นไข้ที่ป่วยหนัก

แต่หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว นั้นแหละเขาเปรียบว่าเข้าสู่สภาวะตายทั้งเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนหนึ่งเพราะช่วงนี้หลายคนยังมีเงินเยียวยาที่ภาครัฐให้อยู่ รวมถึงยังมีเงินเก่าที่เก็บไว้ช่วงก่อนหน้านี้ทำให้สามารถใช้พอประทังชีวิตไปได้สักระยะ

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หลายคนเริ่มตกงานเพราะถูกบริษัทเลิกจ้างด้วยสภาวะขาดทุน เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมย่ำแย่ จนส่งผลกระทบแบบโดมิโน

เช่นเดียวกับนักกีฬาหลายคนต้องหันมาหาอาชีพเสริมด้วยการขายของ ส่วนบางคนอย่างนักบอลที่มีรายได้จากค่าตัวก็ยังพอประคองไปได้แม้จะถูกลดค่าจ้างก็ตาม

พอเห็นข่าว 2 นักฟุตซอล “น้องกาว” พรรณิภา กมลรัตน์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทยชุดเหรียญทองอินดอร์เกมส์ และซีเกมส์ และ “น้องเติม” มุทิตา เสนคราม ริมเส้น ที่ต้องเจอพิษจากโควิด-19 เข้าเต็มเปาจนต้องตกงาน

“น้องกาว” ต้องไปทำงานก่อสร้าง ขณะที่ “น้องเติม” ต้องเร่เดินขายลอตเตอรี่

บอกเลยเห็นข่าวนี้แล้วรู้สึกหดหู่เหลือเกิน ดูแล้วช่างแตกต่างกับนักกีฬาอาชีพในต่างประเทศอย่างสิ้นเชิง

ที่แปลกคือนักฟุตซอลจะว่าไปแล้วก็เป็นกีฬาประเภทเดียวกับฟุตบอล แต่ทำไมการดูแลมันช่างแตกต่าง ลีกฟุตซอลหญิงมีช่วงเวลาที่ลงเตะสั้นรวม 2 เลก แค่ 6 เดือน แถมรายได้ก็มีไม่มากอาจจะพอประทังได้ในช่วงที่มีการแข่งขัน

ถึงวันนี้ลีกฟุตซอลหญิงก็ยังไม่เริ่มเลย ขณะที่ฟุตซอลชายถือว่าเป็นพระเอกสร้างชื่อให้กับสมาคมอย่างกึกก้อง ได้มีโอกาสไปลุยฟุตซอลโลกมาแล้วหลายครั้ง แถมครั้งล่าสุดยังสร้างประวัติศาสตร์เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ

แต่กลับไม่มีอะไรในกอไผ่

จะว่าไปแล้วถ้าจะให้ชื่นชมผลงานของนักฟุตซอลก็ต้องยกให้กับพ่อมดฟุตซอล “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอล ที่บุกเบิกตั้งแต่ยังเป็นวุ้นจนโด่งดัง แต่จนแล้วจนรอดก็เป็นเพียงแค่ลูกเมียน้อยไร้การเหลียวแลเหมือนเดิม

อาจจะมีประโยชน์ก็แค่ช่วงทำผลงานดีเท่านั้น เมื่อตอนที่ได้เหรียญทองในระดับนานาชาติกลับมา ตอนนั้นผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนต่างก็แห่เข้าไปเอาหน้าพากันชื่นชมกันยกใหญ่ แต่พอให้หลังไม่เท่าไหร่ก็ลืมเหมือนเดิม

ถ้าวันนี้ท่านประมุขบอลไทยเอาใจใส่สักนิดให้ความสำคัญกันบ้างไม่ต้องถึงกับทีมฟุตบอลชายที่ทุ่มงบประมาณมหาศาล จ้างโค้ชทีมงานได้เป็นหลักล้าน แค่เจียดงบเพียงเสี้ยวให้พอหายใจได้บ้าง ก็เชื่อว่าผลงานทีมฟุตซอลไทยจะก้าวไกลไปมากกว่านี้

ไม่ใช่ให้แต่ “บิ๊กป๋อม” มานั่งรับผิดชอบเพียงคนเดียว หากทุกคนโดยเฉพาะท่านประมุขร่วมมือร่วมใจและให้ความสำคัญใส่ใจมากกว่านี้สักนิด ก็น่าจะทำให้คุณภาพชีวิตนักฟุตซอลดีกว่านี้ ไม่ใช่พอมีผลงานดีก็แห่เอาหน้ากันยกใหญ่

โดยลืมที่จะสร้างอย่างเอาจริงเอาจัง

ที่ผ่านมาสมาคมจะทุ่มงบมหาศาลให้กับทีมชุดใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะให้ความสำคัญเพราะเป็นกีฬามหาชน แล้วหันมาดูลูกเมียน้อยบ้างก็คงไม่เสียหาย

นี่อะไรท่านกลับเมินไม่ใส่ใจทั้งที่ฟุตซอลมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากกว่าชุดใหญ่เสียอีก แถมแฟนคลับก็มีไม่ใช่น้อย

ผมเห็นท่านเอาใจใส่แต่นักฟุตบอลหาเงินไปช่วยซื้อของ แต่นักฟุตซอลเหล่านี้แล้วท่านกลับไม่ค่อยเหลียวแล อยากถามว่าท่านลืมหรือเปล่าว่าฟุตซอลอยู่ภายใต้สมาคมฟุตบอล

หากเป็นเช่นนี้ผมว่าน่าจะยกให้ฟุตซอลเป็นเอกเทศหาเงินเลี้ยงตัวเอง มีงบสนับสนุนจากภาครัฐแบบไม่ต้องผ่านสมาคมฟุตบอล เรียกง่ายๆก็ให้เขาสามารถยืนด้วยลำแข้งด้วยตัวเอง แต่อยู่ภายใต้สมาคมฟุตบอล

เชื่อว่าผลงานหรือความเป็นอยู่ของนักฟุตซอลทั้งชายหญิงน่าจะดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า

ไม่รู้ว่าท่านจำชื่อนักฟุตซอลได้บ้างหรือเปล่า

ลองดูเถอะครับ ผมว่ายังไม่สายหากจะหันมาใส่ใจนักฟุตซอลกันบ้าง แค่หลังจากหมดโควิดหาวิธีหรือหางานมารองรับเหมือนกับนักฟุตบอลบ้างคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง

อย่าทำเป็นสองมาตรฐานให้พวกเขาต้องน้อยใจอีกเลย.

โจโจ้