หน้าแรกแกลเลอรี่

เรียงหน้าชน : ตามหลังเขาทำไม?

จ๊อกกิ้งบอย

20 พ.ค. 2563 05:01 น.

เป็นอีกครั้งที่ผมได้มีโอกาสคุยกับ “เสี่ยเดรค” ปริเขต สืบสหการ แต่ไม่ใช่ในบทบาทของผู้ริเริ่มพัฒนากีฬาเจ็ตสกีไทย ไม่ใช่บทบาท ของผู้อำนวยการสนามแข่งเวิลด์คัพ

แต่เป็นบทบาทใหม่ ที่มีความ สำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะที่เขาคือ ผู้บริหารกีฬาเจ็ตสกีโลก ในขณะนี้!!!

ฟังวิสัยทัศน์ของเขาแล้ว ก็อยากเอามาแชร์ให้ทุกท่านได้พิจารณา เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับการพัฒนากีฬาของชาติไทยอย่างยิ่ง

วันนี้ ทำไมสมาคมเจ็ตสกีโลก IJSBA, ทำไมสมาคมเจ็ตสกีแห่งยุโรป EJSBA ต้องต่อสายตรง “ขออนุมัตินโยบายเจ็ตสกีโลกจากประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทย” ผมรู้สึกภูมิใจจริงๆ

ปริเขตบอกผมว่า ตัวอย่างของการพัฒนาชาติต่างๆในระดับโลก ที่มองเห็นง่ายๆมี 4 ระดับ

เริ่มต้นจากประเทศ 1.ขั้นเกษตรกรรม 2.ขั้นอุตสาหกรรม 3.ขั้นเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่ง 3 ขั้นที่ว่า คงพอได้ยินกันมาบ้าง แต่กลยุทธ์ของประเทศชั้นนำของโลกได้ต่อยอดไปที่ขั้นที่ 4.ชาติที่พัฒนาการถือครอง

ด้านลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา

ถ้าไทยคิดจะเป็นผู้นำกีฬาโลก เราต้องเข้าใจแนวคิดพื้นฐานที่กล่าวมาด้วย แล้วเราจะเห็นว่า ชาติไทยอยู่ขั้นไหน ซึ่งที่ผ่านไปแล้ว ขั้นไหนก็ไม่สำคัญ อยู่ที่อนาคตต่างหาก ที่เราอยากวางเป้าหมายกีฬาของชาติไทยอยู่ในขั้นไหน?

กีฬาเจ็ตสกีไทยก็มาจากศูนย์ ในวงการเจ็ตสกีโลก 10-20 ปีที่ผ่านมา มีฝรั่งหลายชาติที่ไม่เคยเห็นคนไทยหรือกีฬาเจ็ตสกีไทยอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

แต่วันนี้ เขาต้องมาทำตามนโยบายกีฬาเจ็ตสกีโลก ที่ชาติไทยเป็นผู้ตัดสินใจ มันสร้าง “ความช็อก” ให้พวกเขาไม่น้อย

ก็เหมือนกับทุกๆเรื่อง เมื่อฝรั่งถูกกำหนดกติกาจากชาติเล็กๆ เขารู้สึกเสียหน้า แต่ผมจะทำให้เขาไม่รู้สึกเสียหน้าเลย และกลับมารักและยกย่องชาติไทยด้วย

เหมือนกับที่เราทำสำเร็จแล้วใน “ทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกีเวิลด์คัพ” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แรกๆที่เราเติบโตขึ้น คนยังบอกว่า ได้แชมป์ที่สหรัฐอเมริกา มีความหมายมากกว่า

แต่ ณ ปัจจุบัน ทำไมนักกีฬามือหนึ่งทั่วโลก อยากได้แชมป์เวิลด์คัพที่ประเทศไทยมากกว่าแล้ว เพราะเป็นเครื่องหมายว่า เขาเป็นมือหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง!!

ถอดรหัสความสำเร็จก็คือ เรายอมรับความจริงว่า 10-20 ปีก่อน ทัวร์นาเมนต์เจ็ตสกีไทยสู้ฝรั่งไม่ได้ ไม่มีคุณค่า

แต่เราไม่ยอมนิ่งเฉย มองเห็นว่า การสร้างทรัพย์สินทางปัญญากีฬาเป็นเรื่องสำคัญ ฝรั่งยุโรปเขามีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ก็ลงมือพัฒนาแข่งกับเขา จนเป็นอันดับที่ 5 ของโลก อันดับที่ 3 ของโลก เป็นที่ 1 ในซีกโลกตะวันออก และในที่สุด เป็นที่ 1 ของโลก

หลายคนมองว่า มันใช้เวลานาน ใช้เงินซื้อลิขสิทธิ์ดีกว่า, ซื้อได้ คือซื้อมาเรียนรู้แล้วสร้างเองแบบจีน แต่ถ้าเอาแต่ซื้อแล้วไม่สร้างเครดิตตัวเองเลย

คือ ผิด!! เข้าทางฝรั่ง ที่อยากใช้ลิขสิทธิ์กดไทยไว้อยู่แล้ว

เราพบปัญหาว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา “ผู้บริหารกีฬาไทยน้อยคน ที่จะกล้าต่อสู้เรื่องนี้” เพราะไม่ค่อยอยากทำอะไรที่เป็นเรื่องใหม่ และคนทั่วไปยังเข้าใจน้อย หรือทำไปก็อีกนานกว่าจะเห็นผล จะทำไปทำไมกัน จึงทำให้เราต้องตามก้นฝรั่งต้อยๆอยู่หลายครั้ง

จึงใคร่เสนอว่า เมื่อมาถึงยุคผู้นำกีฬาไทยสมัย ใหม่ “ดร.ก้องศักด ยอดมณี” ภาครัฐ “จำเป็น” จะต้องพัฒนางานกีฬา ด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่าง เต็มที่

ไม่เช่นนั้น ลูกหลานไทยก็จะอ่อนแอ จะแพ้ด้านลิขสิทธิ์กีฬาแม้แต่กับประเทศเพื่อนบ้านไล่ตั้งแต่ ลิขสิทธิ์ตัวนักกีฬา ผู้จัดการและผลประโยชน์ งานโฆษณา อุปกรณ์กีฬา ชุดกีฬา การพัฒนาลิขสิทธิ์ทัวร์นาเมนต์กีฬา ฯลฯ

ตัวอย่างมีให้เห็น เช่น ไม้คิวสนุ้กเกอร์ที่คนไทยผลิต แบรนด์เราเอง กลับขายที่จีนแล้วถูกจับ รัฐควรนำ และหยุดเรื่องน่าเจ็บใจเช่นนี้

สำหรับกีฬาเจ็ตสกี “เสี่ยเดรค” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากชาติทั่วโลก ในการเป็นผู้บริหารกีฬานี้ให้ก้าวหน้าประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้น

และย้อนกลับทำให้วงการกีฬาเจ็ตสกีโลก ยอมรับอย่างเต็มใจ ในการตอบแทนความสำเร็จด้วยการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้กับชาติไทยอย่างเต็มที่ด้วยมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือ จุดยืนในเวทีโลกว่า “คนไทยไม่เอาเปรียบใคร ไม่ต้องการอยู่เหนือใคร แค่ต้องการให้มองเห็นว่า คนไทยก็มีศักยภาพกีฬาระดับโลก เทียบเท่ากับทุกชาติเท่านั้น”

ผู้นำการบริหารกีฬาชาติจะต้องกล้า และรีบลงมือทำงานพัฒนากีฬาด้านทรัพย์สินทางปัญญา

งงงวยว่า ชาติไทยจะตามหลังเขาทำไม?

วันนี้หลายท่านคงจะรู้สึกได้ว่า เราจะหยุดแค่คำว่า “ขี้เกียจทำงานยาก” หรือ “กลัวได้ผลงานไม่ทัน” ไว้เพียงเท่านี้ไม่ได้

เกียรติยศคนไทย หนึ่งสมอง สองมือ เหมือนกันทั่วโลกครับ!!!

จ๊อกกิ้งบอย