เรียงหน้าชน : โควิดกับโคถึก

นอกจากไอโอซีและคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ของญี่ปุ่น จะตัดสินใจร่วมกันในการเลื่อนมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวโลกออกไปเป็นปีหน้า อันเนื่องจากวิกฤติไวรัสโควิด-19

ที่ทำลายวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกอยู่ตอนนี้ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยารักษาที่ประกาศได้ผลกันเต็มร้อยออกมาชัดๆ

คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) องค์กรที่กำกับดูแล และควบคุมคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศต่างๆทั่วโลก ยังได้เล็งเห็นปัญหาที่อาจจะกระทบต่อการดำเนินงานของโอลิมปิกชาติต่างๆจากมาตรการของแต่ละประเทศที่ออกมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส อันกระทบต่อกีฬาและการบริหารงานขององค์กรกีฬาท้องถิ่นอย่างแน่นอน ซึ่งตามกฎระเบียบโอลิมปิกของทุกชาติ คณะกรรมการมีวงรอบของการทำงานอยู่ 4 ปี

ไอโอซีจึงประกาศใช้วิธีแก้ปัญหาแบบยืดหยุ่น โดยเปิดโอกาสให้แต่ละคณะกรรมการโอลิมปิกตัดสินใจเองว่า จะยึดตามวาระการทำงาน 4 ปี หรือยึดตามวงรอบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และสามารถจัดการเลือกตั้งหลังการแข่งขันโอลิมปิกในปีหน้าก็ได้ ซึ่งไอโอซีจะอนุญาตให้มีการขยายเวลาทำงานออกไปได้เกินกว่าระยะเวลาปกติ 4 ปี

ถือว่าเปิดไฟเขียวให้แต่ละประเทศพิจารณากันได้ตามความเหมาะสม

หันมามองดูคณะกรรมการโอลิมปิกไทยของเรา ตามกำหนดชุดปัจจุบันที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน จะครบวาระกันช่วงต้นปีหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าจะปล่อยยาวไปเลือกกันหลังโอลิมปิกจบในเดือน ส.ค. ก็เชิญตามสบาย ไม่ผิดกติกาแต่อย่างไร

ตอนนี้ก็เริ่มมีเสียงดังกระหึ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าโอลิมปิกไทย อาจจะไม่เลือกตั้งกันตามวงรอบเดิม ซึ่งการขยับหรือเลื่อนอะไรในช่วงนี้ ดูจะไม่แปลกอะไร สังคมกีฬาชินชากันหมดแล้ว!

แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อการเลื่อน ไม่ได้เลื่อนออก แต่เป็นเลื่อนเข้า มีคนหัวดี คิดไว อยากให้เลือกกันโดยเร็ว หากเป็นไปตามนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน!!!

ยิ่งปัจจุบันนี้ ผู้อาวุโสผู้คร่ำหวอด พี่ใหญ่แห่งโอลิมปิกและวงการกีฬาไทย “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะ กก.โอลิมปิกฯ อายุก็ดี สุขภาพก็ดี ความเฉียบแหลมต่างๆ โรยราไปตามสภาพ รวมไปถึงคนรอบๆ ก็อาจจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับใครได้เหมือนเดิม มีรายการทดสอบ ลองของ มาเป็นระยะๆ

รอดูว่าโอลิมปิกไทยจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่

การเลือกตั้งนั้นเป็นธรรมชาติ หากเป็นต่อย่อมต้องอยากให้รีบ ให้เร็ว ถ้าเป็นรองก็ต้องดึงระยะ ยื้อกันไปก่อน และการเป็นต่อนั้นมักมาจากเป้าหมายเพื่อการยึดครองเป็นหลัก

และการที่ทำไมต้องรีบ ทำไมไม่รอ ก็มองเป็นอื่นไม่ได้ ย่อมต้องเกี่ยวกับเงื่อนเวลาเป็นสำคัญ วันนี้อำนาจยังเต็ม แต่วันหน้าอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน

ว่าไปแล้วการเมืองในกีฬา มักจะล้อไปกับการเมืองในภาพใหญ่ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ตลอด

หรือเวลาใกล้หมด กรรมการจ่อจะเป่านกหวีดเต็มทน!

เลยต้องหวังพึ่งบารมี “นาย” ในเฮือกสุดท้าย ถ้ารอโควิดจบ ไม่แคล้วโคถึกก็คงต้องเก็บของตามไปด้วย...

“เบี้ยหงาย”