พาวเวอร์บอมบ์
ต่อไปนี้คือบทความจากเว็บไซต์ “THE STANDARD” เขียนโดยเมธา พันธุ์วราทร เป็นเรื่องราวอันน่าทึ่งของสาวคนหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าแฟนๆสามารถนำเอาประสบการณ์ของเธอมาปรับใช้ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเองได้อย่างแน่นอนไปอ่านกันครับ
สาวพนักงานร้านกาแฟในเมืองบอสตันสร้างตำนานสุดยิ่งใหญ่ เมื่อคว้าสิทธิ์ในการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียว หลังเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 ในการวิ่งมาราธอนครั้งแรกในชีวิตของเธอ
เรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อและน่าประทับใจในเวลาเดียวกันเกิดขึ้นในการคัดตัวนักวิ่งมาราธอนของทีมชาติสหรัฐอเมริกา เมื่อ มอลลี ซีเดล สาววัย 25ปี ที่เป็นพนักงานร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองบอสตัน สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนเมื่อเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 27 นาที 31 วินาที ทำให้กลายเป็น 1 ใน 3 ตัวแทนนักวิ่งมาราธอนสาวอเมริกันที่จะเดินทางไป “โตเกียวเกมส์” ในช่วงกลางปีนี้ร่วมกับอลิไฟน์ ตูเลียมุก และแซลลี คิปเยโก
ซีเดลซึ่งแชร์อพาร์ตเมนต์อยู่กับน้องสาว นอกจากจะทำงานในร้านกาแฟแล้ว ยังต้องทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยเพื่อให้รายได้เพียงพอในแต่ละเดือน ในขณะเดียวกันก็ตั้งใจซ้อมอย่างหนักทุกวัน ซึ่งมีโค้ชที่ช่วยกำกับการฝึกซ้อมให้อย่างดี ก่อนจะใช้เวลาช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาในการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ในเมืองแฟลกสตาฟ รัฐอริโซนา ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในที่สูง หลังได้สิทธิ์ในการมาคัดตัวไปโอลิมปิก จากสถิติการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 1 ชั่วโมง 10 นาที27 วินาที ในรายการที่ซานอันโตนิโอเมื่อเดือนธันวาคม
“ฉันไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้อยากจะคุยเกินไปและสร้างแรงกดดันมากเกินไป เพราะฉันรู้ว่าการแข่งขันในสนามจริงเป็นอย่างไร แต่จากการพูดคุยกับโค้ชฉันไม่อยากให้พูดเยอะไปเพียงเพราะว่ามันเป็นการวิ่งมาราธอนครั้งแรกของฉัน” ซีเดลกล่าว
พร้อมยอมรับว่าการที่สนามแข่งมีเนินสูงและมีกระแสลมหนุนมีส่วนทำให้เธอได้เปรียบคนอื่น
แต่ถึงจะเป็นการวิ่งมาราธอนครั้งแรก ซีเดลไม่ใช่มือใหม่ในวงการวิ่งเสียทีเดียว ในทางตรงกันข้ามเธอเคยเป็นนักวิ่งที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการ เธอมีชื่อเสียงในการแข่งวิ่งระยะสั้น 5,000 เมตรและ 10,000 เมตร เคยชนะรายการ Foot Locker Cross Country Championships ในปี 2011 และได้แชมป์รายการของ N.C.A.A. 4 ครั้ง เรียกว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ในการวิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้ซีเดลแตกต่างจากคนอื่นคือ การที่เธอปฏิเสธจะรับข้อเสนอจากสปอนเซอร์จำนวนมาก เพราะเธอตกอยู่ในสภาวะความเครียดสูง เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ และมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติจนเพื่อนสนิททักด้วยความเป็นห่วง และทำให้เธอตัดสินใจเด็ดขาดที่จะพักเพื่อรักษาตัว เพราะรู้สึกยังไม่พร้อมสำหรับการเป็นนักกีฬาอาชีพจริงจัง และไม่คิดว่ามีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการมีสุขภาพที่ดี
“สุขภาพที่ดีในระยะยาวสำคัญกว่าการจะวิ่งระยะ 5 กิโลเมตรให้เร็วที่สุดนับจากนี้ 3 เดือน” เธอกล่าว “สำหรับคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างทาง นั่นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด เพราะมันต้องใช้เวลายาวนาน ฉันเองก็เป็นไปได้ที่จะต้องรับมือกับมันไปตลอดชีวิตที่เหลือ เราจำเป็นต้องดูแลมันอย่างดีที่สุดเท่านั้น”
หลังปฏิเสธชีวิตแบบนักวิ่ง อีลิท ซีเดลเลือกจะเก็บตัวเงียบและดำเนินชีวิตในเมืองบอสตันแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรมากกว่าการตื่นนอน ไปวิ่งทำงาน และกลับมาวิ่งตามโปรแกรมที่โค้ชวางเอาไว้ให้
“ปกติแล้วฉันจะตื่นนอนไปซ้อมวิ่งตามโปรแกรม เสร็จกลับมาทำงานในร้านกาแฟ 2-3 ชั่วโมงหรือไปช่วยเลี้ยงเด็ก จากนั้นก็จะกลับมาวิ่งอีกในช่วงเวลาที่เหลือของวัน” นักวิ่งสาวมหัศจรรย์เล่าถึงชีวิตประจำวันของเธอ ซึ่งมอลลียอมรับว่า จอน กรีน โค้ชของเธอไม่ชอบนักที่เธอต้องทำ 2 งานควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมการวิ่งแบบจริงจัง
เธอยังเผยว่าไม่ค่อยมีใครรู้มากนักว่าเธอเป็นนักวิ่งระดับอีลิท มีเพียงลูกค้าและเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
“ตอนที่ฉันบอกพวกเขาว่าฉันได้สิทธิ์คัดตัวไปโอลิมปิกด้วย พวกเขาตื่นเต้นกันมาก พวกเขาเรียกฉันว่าพวกเนิร์ดที่วิ่งเก่ง”
ถึงแม้จะมีชีวิตที่ไม่สุขสบายนัก และร่างกายมีอาการบาดเจ็บสะสมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงกระดูกร้าวบริเวณหลังช่วงล่างและกระดูกเชิงกราน แต่ด้วยความมุ่งมั่นทำให้เธอเอาชนะตัวเองและก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายได้ในที่สุดในการลงวิ่งมาราธอนครั้งแรก
ส่วนการวิ่งมาราธอนครั้งที่ 2 ของเธอจะเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับการวิ่งในกีฬาโอลิมปิก.
พาวเวอร์บอมบ์