ไทยรัฐออนไลน์
ผู้จัดศึกเทนนิสรายการใหญ่ "ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" ติวเข้มนักเรียนในพื้นที่หัวหิน และนักเทนนิสเยาวชนไทย ทำหน้าที่ "บอลบอย-บอลเกิร์ล" ส่งลุยสนามจริง รับนักหวดสาวฝีมือระดับแถวหน้าของโลก ด้าน ภราดร ศรีชาพันธุ์ เผย มีการอบรมเข้มข้นตามกฎ "ดับเบิลยูทีเอ" ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจริง มั่นใจทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษจากรายการใหญ่ครั้งนี้…
วันที่ 7 ม.ค. 63 ความเคลื่อนไหวการจัดการแข่งขันเทนนิสหญิง ดับเบิลยูทีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ทัวร์นาเมนท์ รายการ "ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" ชิงเงินรางวัลรวม 275,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.8 ล้านบาท ที่สนามทรู อารีนา หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 10-16 กุมภาพันธ์ (ควอลิฟาย วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ ส่วนเมนดรอว์ วันที่ 10-16 กุมภาพันธ์) ซึ่งประเทศไทย โดยสนามทรู อารีนา หัวหิน ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ล่าสุด "ซูเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิส มือ 9 ของโลก ในฐานะผู้อำนวยการการจัดการแข่งขัน "ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" เปิดเผยว่า สำหรับความพร้อมล่าสุดในการเตรียมจัดการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 ถือว่ามีความพร้อมเต็มที่ ซึ่งเป็นการจัดปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว โดยฝ่ายจัดการแข่งขันก็ได้ปรับปรุงจุดต่างๆ และพัฒนายกระดับการแข่งขันขึ้นจากปีที่ผ่านมา ในภาพรวมไม่มีปัญหา และพร้อมสำหรับการจัดศึกเทนนิสหญิงระดับโลกในครั้งนี้
นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันยังเตรียมพร้อมเรื่อง "บอลบอย-บอลเกิร์ล" หรือเด็กเก็บลูกเทนนิสในช่วงการแข่งขัน ซึ่งได้มีการอบรมตามระยะเวลาและตามกฎของสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (ดับเบิลยูทีเอ) ทั้งภาคทฤษฎีอบรมในห้อง และภาคปฏิบัติจริง ออนคอร์ต โดยบอลบอย-บอลเกิร์ลทั้งหมดจะมีประมาณ 40-60 คน แบ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่หัวหิน และนักเทนนิสเยาวชนไทย
"เราได้ฝึกอบรมน้องๆ บอลบอย และบอลเกิร์ลทุกคนอย่างเข้มข้น และได้ให้ทำหน้าที่จริงในแมตช์โปรเซอร์กิต ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ ซึ่งจัดขึ้นที่สนามทรู อารีนา หัวหิน กว่า 9-10 รายการ ตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศการแข่งขันจริง และนำไปปรับใช้ในศึกไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 ซึ่งจะมีรายละเอียดต่างๆ เพิ่มขึ้นจากนักเทนนิสระดับโลก โดยเราจะเน้นระเบียบทั้งการวิ่งเข้าสนาม วิ่งเก็บลูก และสังเกตท่าทางของนักเทนนิสว่าต้องการลูกบอล หรือผ้าเช็ดหน้า" ซูเปอร์บอล กล่าว
ภราดร กล่าวอีกว่า ในแต่ละแมตช์การแข่งขัน จะใช้บอลบอลและบอลเกิร์ล 6 คน แบ่งเป็นท้ายคอร์ต 2 ฝั่ง 4 คน และหน้าเน็ตอีก 2 คน โดยจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 45 นาทีของการแข่งขัน เพื่อให้น้องๆ ได้พัก โดยเราได้มีการเตรียมพร้อมทุกคนอย่างเต็มที่ ทั้งท่าทางการยืน การเตรียมตัว การโยนลูก และสิ่งที่สำคัญก็คือให้น้องๆ ได้เรียนรู้ภาษาเทนนิส ซึ่งทุกคนก็จะได้ประสบการณ์ที่ดีจากการทำหน้าที่ในครั้งนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการการจัดการแข่งขันเทนนิส "ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากคัดเลือกตัวนักหวดสาวไทยจากรายการ "โรด ทู ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020" ปรากฏว่า "อีฟ" พัชรินทร์ ชีพชาญเดช มือ 819 ของโลก วัย 25 ปี คว้าสิทธิไวลด์การ์ด รอบเมนดรอว์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 หลังจากชนะ "ไหม" มนัญชญา สว่างแก้ว ดาวรุ่งวัย 17 ปี มือ 550 ของโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่นักเทนนิสไทยจะได้ลงแข่งขันกับนักหวดสาวมือท็อปของโลก
"โอกาสที่นักเทนนิสหญิงไทยจะได้เจอกับนักหวดระดับโลกถือว่าน้อยมาก ดังนั้นตามนโยบายของท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน อยากที่จะให้โอกาสนักเทนนิสไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันในบ้านของเราเองที่ได้เป็นเจ้าภาพ จึงได้จัดแมตช์คัดเลือกขึ้นมา ซึ่งก็ถือว่าน้องที่ได้ตั๋วรอบเมนดรอว์จะได้รับโอกาสครั้งสำคัญในการเจอกับมือท็อปของโลกที่จะเป็นประสบการณ์กับตัวเขาเองอย่างมาก" ซูเปอร์บอล กล่าวทิ้งท้าย